เปรมเตรียมออกศึก (กับชาวบ้าน) อีกแล้วหรือ

Prem on the (civil) war path again?
December 29, 2009
ที่มา – Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตผู้บัญชาการกองทัพบก อดีตนายกรัฐมนตรี (ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง) และขณะนี้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกต่อสาธารณะ ซึ่งโพลิติคอลพรีซันเนอร์อินไทยแลนด์ (พีพีที) ไม่เห็นมานานแล้ว ด้วยเครื่องแบบเต็มยศ

ทั้งแนวหน้า (วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒) และบางกอกโพสต์ (วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒: เปรมกล่าวว่าข่าวหนังสือพิมพ์เป็นเรื่อง “ต้องอ่าน”) ต่างรายงานว่า นับตั้งแต่การทำรัฐประหารของกองทัพ–พระราชวังในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นี่เป็นครั้งแรกที่เปรมปรากฏตัวในชุดเครื่องแบบเต็มยศ

เปรม “กล่าวว่า ที่แต่งเครื่องแบบเพราะทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวย และแข็งแรง เปรมเปิดบ้านหลวง อภินันทนาการจากกองทัพโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าให้นายทหารระดับสูง และพวกคลั่งเจ้าที่ดังๆหลายคนได้เข้าพบ จากนั้นได้เดินทางไปยัง “โรงเรียนเตรียมทหาร” และสั่งสอนให้นึกถึงหน้าที่ที่มีต่อกษัตริย์” ครั้งสุดท้ายที่เปรมปฏิบัติเช่นนี้เมื่อ เปรมเดินสายหากำลังสนับสนุนจากกองทัพเพื่อกระทำรัฐประหารตามมา (ตัวอย่างเช่น บางกอกโพสต์ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙ และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่โพสต์ใน เว็บไซต์ของพลเอกเปรม จากนั้นให้เลื่อนลงเพื่ออ่านบทความ)

ฉะนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ สำคัญขนาดไหนหรือ พีพีทีเชื่อว่า พวกคลั่งเจ้าที่เฝ้าหลอกตัวเองว่า กำลังฝ่ายสนับสนุนทักษิณ ชินวัตรนั้นจะประลองกำลังกับรัฐบาลปัจจุบัน พันธมิตรปิ๊งความคิดนี้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน และมีการปั่นกระแสอย่างไม่หยุดยั้งจากฝ่ายพวกคลั่งเจ้า ทางหน้าสื่อ และจากข้าราชการระดับสูง

พีพีทีไม่เคยเข้าไปอ่าน “ข่าวกรอง” ใดๆนอกจากอ่านจากทางสื่อ และไม่มีข้อมูลใดๆที่กล่าวว่า เสื้อแดงจะมีการประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม เราทราบแต่เพียงว่าพรรคเพื่อไทยวางแผนที่จะทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีการปรึกษาหารือเรื่องการชุมนุมของเสื้อแดง ไม่มีอะไรผิดไปจากปกติ แต่เป็นที่แน่ชัดว่าทางกองทัพ พวกคลั่งเจ้าหลายฝ่าย และปัญญาชนเสื้อเหลืองต่อต้านทักษิณบางคนต่างแน่ใจว่า จะมีเหตุการณ์คล้ายกับวันสงกรานต์เลือด หรือ “การลองกำลังครั้งสุดท้าย” ใกล้จะเกิดขึ้น

เปรมกำลังส้องสุมกำลังเพื่อการต่อสู้ ผู้ที่ตบแถวเข้าเยี่ยมเปรมในครั้งนี้มีระดับนายพล นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหม และพวกคลั่งเจ้าคนดังอีกกลุ่มหนึ่ง รวมไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีมือวางอันดับ ๒ และนายกรัฐมนตรีหลังรัฐประหาร วิรัช ลิ้มวิชัยประธานศาลฎีกา และประสงค์ สุ่นศิริ จอมบงการวางแผนทำรัฐประหารครั้งที่แล้ว รวมไปถึง พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

การที่จะสร้างเรื่องของการต่อสู้ที่เห็นลางๆนั้น เปรมแนะนำให้อ่านบทความของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้วิจารณ์ทักษิณ (แนวหน้า วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒) ซึ่งอ้างว่าประเทศไทยกำลังตกอยู่ในระหว่างสงครามกลางเมือง (พีพีทีจะแยกลงบทความเรื่องนี้) เปรมแนะนำผู้เข้าเยี่ยมคารวะให้ไปอ่านบทความนี้ และเสริมด้วยผลกระทบในเรื่องนี้ เปรมได้อ้างถึงพระราชดำรัสสั้นๆของกษัตริย์ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยกล่าวว่า พระราชดำรัส “มีความพิเศษ จากน้ำพระทัย และมีความหมาย” เปรมเรียกร้องให้ผู้เข้าเยี่ยมทุกคนรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม

ตามที่พีพีทีได้เคยชี้ให้เห็นก่อนหน้านี้ว่า พวกคลั่งเจ้า และผู้สนับสนุนรัฐบาลถือว่า พระราชดำรัสมีความหมายสำคัญทางการเมือง ซึ่งแทบจะไม่ได้มีความลึกซึ้งอะไรมากนัก แต่มีความหมายสำหรับเฉพาะพวกที่คอยตีความพระราชดำรัสเหล่านี้ และตีความพระราชดำรัสว่า เป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลปัจจุบันมีความอดทน

ดูเหมือนว่าจะเป็นอีกครั้งที่อำนาจจากสถาบันต่างๆ ร่วมมือเพื่อทำการต่อสู้กับบุคคลซึ่งในสายตาของพวกนี้มองว่าเป็นพวกทรยศ เป็นที่น่าสังเกตว่างานนี้ขาดพวกพันธมิตร อย่างไรก็ดี บทเรียนที่ได้รับเมื่อเดือนเมษายนที่แล้วดูเหมือนว่า นักธุรกิจ และชนชั้นกลางต่างยอมรับการกระทำของกองทัพ เมื่อปกป้อง “ชาติ” ของพวกอภิสิทธิ์ชน และพวกปอดแหก