อภิมหาโคตรโครงการ (ล้านสี่แสนกว่าล้านบาท) โกงเป็นโกง ฝีมือประชาธิปัตย์

Its big, its corrupt, and the government wants it
October 13, 2009
ที่มา – Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑

โครงการ “ไทยเข้มแข็ง” สร้างความสนใจให้โพลิติคอลพรีซันเนอร์อินไทยแลนด์ (พีพีที) อีกแล้ว ตามที่ได้เคยลงบทความก่อนหน้านี้ เราคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่น่าจะเขียนถึง เนื่องจากการเกี่ยวโยงอย่างลึกซึ้งในการเตรียมการหาเสียงเลือกตั้งของรัฐบาลพรรคร่วมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกัน ยิ่งมีการขุดคุ้ยเรื่องการโกงกินมากขี้นเท่าไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะสร้างความสั่นคลอนให้กับพรรคร่วมรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น

บางกอกโพสต์ (วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒: “ป.ป.ท.ตรวจสอบการร้องเรียนในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ“) ได้ลงบทความที่น่าสนใจในโครงการต่างๆ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องหัวเลี้ยวหัวต่อของรัฐบาล

นอกจากจะถูกกล่าวหาว่า มีการโกงกินกันอย่างมโหฬารไม่จบไม่สิ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังคงตั้งหน้าตั้งตารอการอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาล “ในการขอกรอบวงเงินงบลงทุนเพิ่มเติม ๒๔๐,๐๐๐ ล้านบาทสำหรับประเทศไทย: เพื่อใช้จ่ายในแผนการที่เข้มแข็งแล้วเข้มแข็งอีก” นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ถ้าได้รับการอนุมัติ “งบลงทุนไทยเข้มแข็งจะพุ่งขึ้นถึง ๑,๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท จากยอดวงเงินเดิมที่เคยได้รับการอนุมัติ ๑,๐๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของยอดเงิน ๑,๔๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ในโครงการสามปีไปจนถึงปี ๒๕๕๕..” ในยอดเงินนี้ ๘๐๐,๐๐๐ ล้านบาทได้มาจากแหล่งเงินกู้

โครงการนี้นับว่ามีความหมายมากสำหรับรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังออกมายืนยันว่า “แม้ว่าขั้นแรกของโครงการไทยเข้มแข็งจะด่างพร้อยไปด้วยข้อกล่าวหาว่า มีการโกงกินกันทุกหย่อมหญ้า แต่รัฐบาลยังคงเห็นควรที่จะอนุมัติงบเพิ่มเติมนี้….”

นายสาทิตย์กล่าวว่า “รัฐบาลขอยืนยันว่าขั้นแรกของโครงการนั้นมีความโปร่งใส และเราจะไม่ปกป้องใครหน้าไหนก็ตามที่กระทำความผิด แต่เวลานี้ โครงการขั้นที่สองจะต้องดำเนินต่อไป เพราะประชาชนจะได้แต่ผลประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เขากล่าวต่อว่า เป็นโครงการที่ใช้งบลงทุนมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมาในระยะที่มากกว่า ๑๐ ปีที่ผ่านมานี้ และโครงการนี้ไม่ควรสะดุดลงด้วยการกล่าวหาที่ไม่มีมูล มิฉะนั้นแล้ว ขั้นตอนการกระตุ้นจะต้องหยุดชะงัก และประเทศไทยจะล้าหลังกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน….”

นายสาทิตย์รู้อยู่เต็มอกว่าการกล่าวหาเรื่องโกงกิน “มีมูล” แต่รัฐบาลยังคงตั้งหน้าตั้งตาเชื่อว่า การอัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นการนำชัยชนะมาสู่การเลือกตั้ง ในเวลาเดียวกัน นักการเมืองต้องการเงินเพื่อจะได้เตรียมตัวโฆษณาหาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งคาดได้ว่าภายในระยะ ๗-๙ เดือนข้างหน้านี้ จะมีการกล่าวหาเรื่องการโกงกินที่จะมีเพิ่มมากขี้นเป็นเงาตามตัว