ข้ามไปยังเนื้อหา

ทำไมต้องต้านกฎหมายหมิ่นฯ

วันอาทิตย์ 1 กุมภาพันธ์ 2009

Why we must oppose lese majeste
WDPress 23 มกราคม 2552

Why the Lese Majeste law in Thailand is an abomination
ทำไมกฎหมายหมิ่นฯ ในประเทศไทยจึงเป็นเรื่องที่เลวทราม
รศ.ใจ อึ้งภากรณ์ คณะรัฐศาสตร์,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยเป็นตัวแทนการเล่นงานสิทธิเสรีภาพในการพูด สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการอย่างโหดร้าย ผลกระทบคือเราไม่มีประชาธิปไตยที่เต็มใบและไม่ได้รับการรับรองมาตราฐานทางวิชาการของมหาวิทยาลัยของเราจากนานาประเทศ

โดยเฉพาะกรณีของผม มหาวิทยาลัยของผมเองปฎิเสธจะขายหนังสือทางวิชาการของผมเกี่ยวกับการรัฐประหารปี 2549 ในร้านขายหนังสือของมหาวิทยาลัย ยังไม่พอมหาวิทยาลัยยังได้เอาหนังสือของผมส่งให้กับตำรวจสันติบาล ผลที่ตามมาคือรัฐบาลได้สั่งฟ้องผม ลองนึกดูว่าจะมีผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานทางวิชาการของผมอย่างไรบ้าง บรรยากาศที่น่ากลัวแบบนี้จะทำให้คุณภาพทางวิชาการเลวลง เพราะนั่นคือการเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่อึมครึมและการโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผลซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ

คุณภาพการศึกษาแบบเก่าที่ขู่ให้กลัวเริ่มต้นมาจากชั้นประถมและเรื่อยมาจนถึงระบบการศึกษาขั้นสูง นักเรียนถูกสอนให้เรียนด้วยการท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง และให้เขียนเรียงความบรรยายแต่ความเห็นด้านเดียว นักวิชาการปฎิเสธที่จะเกี่ยวข้องกับการโต้เถียง ไม่อ่านงานเขียนสำหรับคนที่มีความเห็นแตกต่างจากตัวเอง และเอาการโต้แย้งจากนักวิชาการด้วยกันมาถือเป็นการต่อสู้ส่วนตัว

ราชวงศ์ไทยถูกกล่าวว่าเป็น”สุดที่รักของชาวไทยทั้งปวง” ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่ที่คนต้องเข้าใจคือในสังคมไทยมีบรรยากาศแห่งความกลัวอันเนื่องมาจากกฎหมายหมิ่นฯ พร้อมกันกับการโปรโมทราชวงศ์อย่างบ้าคลั่ง กษัตริย์ถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะในทุกด้าน แถลงการณ์ทุกฉบับที่ออกมาจากกษัตริย์จะถูกแถลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเป็นคำสั่งสอนอันสูงสุด และกษัตริย์ได้ถูกอ้างว่าเป็น “บิดาของเรา” เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการปฎิบัติเพิ่มขี้นมาจากสถานที่ทำงานทั้งของเอกชนและของรัฐ คือได้ให้ลูกจ้างใส่เสื้อเหลืองทุกวันจันทร์หรือใส่ดำทั้งปีเพื่อไว้ทุกข์แด่พระขนิษฐาของกษัตริย์หลังจากที่ทรงสิ้นพระชนม์ หลายๆคนได้เปรียบว่าเหมือนกับประเทศเกาหลีเหนือ

อีกหนึ่งตัวอย่างคือ นโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียง” เมื่อกษัตริย์ทรงยกย่องเศรษฐกิจพอเพียง เราทั้งหมดจะต้องยอมรับและชื่นชมโดยไม่มีคำถามใดๆ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นอุดมคติทางการเมืองซึ่งสอนให้คนมีความสุขกับสถานะของตัวเองในปัจจุบันและให้เลิกนึกถึงความต้องการหารายได้เพิ่มพูน โชคดีที่ว่ามุมมองแบบล้างสมองเช่นนี้ไม่ได้ผลนักในสังคมไทย สำหรับสังคมซึ่งไม่มีการโต้แย้งทั้งด้านนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองอย่างเปิดเผย ก็ยังคงล้าหลังและด้อยพัฒนาเช่นนี้ แต่แค่การวิจารณ์เศรษฐกิจพอเพียงนิดหน่อยถึงกับต้องโดนข้อกล่าวหาจากกฎหมายหมิ่นฯเชียวหรือ

อะไรคือเป้าหมายของความพยายามทั้งหมดในการบังคับเรื่องโง่ๆกับประชาชน เป็นการพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะควบคุมคนไทยส่วนใหญ่ไม่ให้แตกแถว เราถูกสนับสนุนให้เชื่อว่ากษัตริย์มีอำนาจ ในความเป็นจริงแล้วกษัตริย์เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ คนไทยถูกสนับสนุนให้เชื่อว่าเราอาศัยอยู่ภายใต้ “ระบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแบบสมัยก่อน” เป็นการผสมระหว่างระบบแบบศักดินาแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และแบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ประชาชนต้องคลานกับพื้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของกษัตริย์ แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้คือกองทัพบก ข้าราชการหัวเก่า และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่กษัตริย์

กองทัพได้ประกาศเสมอว่า การกระทำของกองทัพคือ “ผู้พิทักษ์กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ” กองทัพไทยมีประวัติอันยาวนานในการก่อรัฐประหารซึ่งตรงกันข้ามกับรัฐธรรมนูญ การทำรัฐประหารถูกอ้างว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมในการปกป้องราชวงศ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ดีคือการทำรัฐประหารครั้งที่ 19 เมื่อเดือนกันยายน 2549 แทนที่จะเป็นการปกป้องกษัตริย์อย่างที่อ้าง กองทัพได้หาวิธีที่จะให้การทำรัฐประหารถูกกฎหมายด้วยการนำกษัตริย์มาอ้าง กฎหมายหมิ่นฯถูกใช้เป็นเครื่องมือของกองทัพและพวกศักดินาที่มีอำนาจเพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองแทนที่จะปกป้องกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ การโปรโมทให้ภาพพจน์ของกษัตริย์มีพระราชอำนาจเหนืออื่นใด (ภาพพจน์ที่ไม่เป็นตามแนวทางรัฐธรรมนูญ)ส่วนหนึ่งเป็นการกระทำของกองทัพเพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเองและจากกลุ่มที่มีอำนาจกลุ่มอื่นซึ่งขณะนี้ได้เข้ามาร่วมรัฐบาล คดีหมิ่นฯได้เพิ่มเป็นสองเท่านับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งกองทัพได้ใช้เล่ห์กลให้มาเป็นรัฐบาลในเดือนธันวาคม 2551 ขณะนี้กฎหมายหมิ่นฯได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับใช้กับคนที่วิจารณ์การรัฐประหารปี 2549 หรือคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล

ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นฝ่ายนิยมระบบกษัตริย์หรือฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ ขณะนี้เป็นเรื่องที่จะปฎิเสธไม่ได้จากความจริงที่ว่า การรณรงค์ล้างสมองได้ล้มเหลว และจะยังคงล้มเหลวทุกขณะเมื่อกษัตริย์ได้ชราภาพลงเรื่อยๆและอีกไม่นานก็จะสิ้นพระชนม์ ถ้ากษัตริย์เป็นที่รักและที่บูชาแล้วคงไม่มีใครจะกล่าวถึงพระราชโอรสได้ กองทัพบก กลุ่มประท้วงพันธมิตรฝ่ายขวาซึ่งปิดสนามบินต่างๆและพรรคประชาธิปัตย์ได้ลากราชวงศ์เข้าสู่การเมือง โดยประกาศว่าการทำรัฐประหารปี 2549 และการกระทำของพันธมิตรได้รับการสนับสนุนหรือได้รับคำบัญชามาจากราชวงศ์ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้ยินคนไทยทั่วไปบ่นถึงการเมืองที่จัดตั้งในปัจจุบันนี้และคำพูดที่ว่า “เราทุกคนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” การวิจารณ์กษัตริย์ได้หนาหูขี้นมาก ความชอบธรรมอาจจะเข้าสู่ความวิกฤติได้ในไม่ช้าเนื่องจากการกระทำของกองทัพบกและฝ่ายอื่นที่ร่วมกัน เพราะความชอบธรรมของราชวงศ์เป็นสิ่งเดียวที่พวกมีอำนาจหัวเก่ามีอยู่ พวกนี้จะลนลานเพราะเรื่องต่างๆถูกเปิดเผย พวกนี้ทำตัวเอง กฎหมายหมิ่นฯไม่ได้ยอมแม้แต่การกระทำจะเหมาะสมถูกต้องตามรัฐธรรมนูญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นแบบของกษัตริย์ภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยอมให้ผู้บัญชาการทหารต่างๆใช้อำนาจในนามของกษัตริย์

กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยส่วนมากจะมีความสุขกับเสถียรภาพและถูกตรวจสอบได้จากสาธารณะ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่ากฎหมายหมิ่นฯของไทยไม่ใช่เป็นการนำเสถียรภาพมาสู่สถาบันแต่เป็นการนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น

ผู้ที่กล่าวหาผมด้วยกฎหมายหมิ่นฯได้ทำเช่นนั้นเพราะผมได้แสดงจุดยืนและไม่โอนเอียงไปกับการทำรัฐประหารและเผด็จการ นักรณรงค์คนอื่่นหลายๆคนได้โดนข้อหาเช่นเดียวกันด้วยเหตุผลเดียวกัน เราจะต้องไม่ลืมนึกถึงพวกเขา เราต้องรณรงค์ทั้งระดับสากลและระดับประเทศในการต่อสู้เพื่อสิทธิประชาธิปไตยในประเทศไทย และเพื่อการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ

แต่โชคร้ายที่ว่า บรรยากาศแห่งความกลัวที่เกิดขี้นจากคำวิจารณ์ต่อราชวงศ์ บวกกับความจริงที่ว่านักวิชาการหลายๆฝ่าย นักเคลื่อนไหวต่างๆ และฝ่ายเอ็นจีโอ ซึ่งไม่เหลือทั้งความชอบธรรมและแนวคิดทางการเมืองเมื่อได้สนับสนุนการทำรัฐประหารในปี 2549 ซึ่งหมายความว่าสังคมภาคเอกชนที่เป็นภาคสำคัญได้ปิดปากเงียบในเรื่องกฎหมายหมิ่นฯ อย่างไรก็ตามคนธรรมดาหลายพันคนได้เป็นกังวลมากพอที่จะแสดงความคิดเห็นว่ากฎหมายหมิ่นฯควรล้มไป ถ้ากฎหมายหมิ่นฯนี้ไม่ถูกยกเลิก เราก็จะไม่มีประชาธิปไตยในประเทศไทย

หนังสือของผม “รัฐประหารสำหรับคนรวย”ผมเขียนและพิมพ์หนังสือนี้เมื่อไม่กี่เดือนหลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นการพยายามที่จะเขียนในลักษณะวิชาการของนักวิจารณ์การเมืองไทยจากมุมมองประชาธิปไตย ผมได้วิจารณ์ทักษิณเสมอในเรื่องที่รัฐบาลทักษิณได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมโต้แย้งว่าการทำรัฐประหารเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม ผมแย้งว่าผู้ที่สนับสนุนการกระทำรัฐประหาร อันมีกองทัพ พันธมิตร นักธุรกิจที่เกลียดทักษิณ พวกสังคมนิยมใหม่ และพวกข้าราชการหัวเก่าได้รวมตัวกันต่อต้านคนจน พวกเขาเหล่านี้ไม่มีความเชื่อในเรื่องประชาธิปไตย เพราะพวกเขาเหล่านี้เชื่อว่าคนจนไม่มีสิทธิใดๆในการโหวต พวกเขาเกลียดพรรคทักษิณเพราะชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง ในขณะที่พวกตัวเองไม่เคยชนะสักครั้ง

อีกเรื่องที่สำคัญในหนังสือของผมคือคำถามที่ถามตามความจริงที่ว่า วิกฤติมีผลมาจากการทะเลาะกันของราชวงศ์และทักษิณ เป็นการโต้แย้งของผมเองซึ่งอาจทำให้กองทัพโกรธแค้นเพราะกองทัพต้องการจะใช้ความชอบธรรมของราชวงศ์ในการทำรัฐประหาร ผมพยายามที่จะเน้นเรื่องการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญควรปกป้องรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย และอีกบทความหนึ่งในหนังสือของผม ที่ผมพยายามจะวาดภาพความรับผิดชอบของกษัตริย์ในอดีต และถกเถียงว่าปัจจุบันนี้ควรเป็นสถาบันที่ทันสมัยไม่ใช่ระบบศักดินาแบบเก่า

ผมขอปฎิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดที่กล่าวหาว่าผมได้กระทำอาชญากรรมในการเขียนและพิมพ์หนังสือเล่มนี้

แปลและเรียบเรียงโดย – chapter 11
ที่มา –
http://wdpress.blog.co.uk/2009/01/23/why-we-must-oppose-lese-majeste-5432503/#c8956396

10 ความเห็น leave one →
  1. พัลลภ สุนทรพิมล permalink
    วันพฤหัสบดี 5 กุมภาพันธ์ 2009 11:52 น.

    ขอสนับสนุนอีกคน ขอเรียกร้องให้ประเทศไทยมีสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก ถ้าคนเราดีจริง ต้องไม่กลัวให้ผู้อื่นวิจาร์ย

  2. chapter 11 permalink
    วันศุกร์ 6 กุมภาพันธ์ 2009 12:18 น.

    ยินดีรับความเห็นต่าง แต่กรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพ จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

  3. Dekkorat permalink
    วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2009 07:53 น.

    ผมคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ผมเป็นคนไทยที่รัฐและชาติพันธ์ได้สืบต่อส่งสันดานกันมาเป็นพันปีแล้ว พื้นฐานของสังคมที่มีการสืบประเพณีความเชื่อด้วยความเคารพก็เช่นกัน มีคำตอบอยู่ในตัวเองและก็เชื่อว่าเป้นคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งแสดงให้เห็นความมีอยู่จากพื้นฐานนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วสังคมไทยไม่สามารถเดินด้วยความเป็นไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ แม้แต่คนธรรมดาในเรื่องของกฎหมายหมิ่นยังมีกฎหมายคุ้มครอง แล้วคุณคิดว่าไม่สมควรอย่างไร

  4. chapter 11 permalink
    วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2009 15:36 น.

    ถึงได้หาเหตุผลนี่ไงล่ะคะ
    ประเทศไทยจะโดดเดี่ยวด้วยกฎหมายทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรือคะ ความคิดของคนมันห้ามกันได้หรือคะ และถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องจริง จะกลัวไปทำไมกับการแตะนิ้ดแตะหน่อย
    อยู่บนที่สูง ควรมีเมตตา มีคุณธรรม

  5. วันศุกร์ 27 มีนาคม 2009 14:51 น.

    ทรงพระเจริญ

  6. aruka permalink
    วันจันทร์ 30 มีนาคม 2009 10:30 น.

    Dekkorat กรุณาแหกตาดูก่อน

    ยกตัวอย่างง่ายๆ สุด
    ดา ตอปิโด หมิ่น ติดคุก “แต่” astv ผู้เอาคลิปไปเผยแพร่ แท้ๆ “รอด”
    มันแปลว่าไร มีปัญญาตอบป่ะ

  7. Wari2497 permalink
    วันศุกร์ 3 เมษายน 2009 16:54 น.

    This law is being used by those who wants to ruin other life. Any Thai anyone who dares to criticize them with a jail sentence for lese majesty blanket law. Law enforcement and those who have evil can hurt people easily. This law encourages those (aristocrat, mainstream media & military) who hatre the opponents (liberal) and put him/her in jail. No justice was served. I felt sorry for Suwicha, DDaranee Charncherngsilpakul & Bunyuen Prasertying. There will be more of those unfortunate person. There is no transparency and accountability, no justice, no freedom of speech and no freedom. http://www.themonthly.com.au/tm/node/1545?gclid=CMC35LjF0ZkCFU0wpAod6HUKvA

  8. อุกากาล permalink
    วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 07:23 น.

    ตั้งแต่จอมพลผ้าข้าวม้าแดงเข้ามามีอำนาจก็ได้ให้สัญญากับเจ้าแผ่นดินว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของเจ้าแผ่นดินอีกเหมือนที่จอมพล ป เคยกระทำมาตลอด..การร่วมมือันยิ่งใหญ่ในประวัตืศาสตร์ก็เกิดขึ้น เผด็จการเต็มรูปแบบก็เริ่มแสดงอำนาจต่อประชาชน ทุกครุ้งที่มีการปฎิวัติ เจ้าแผ่นดินจะอภัยโท๋ษให้ทุกครั้ง ตั้งแต่นั้นมาประเทศไทยไม่เคยมีประชาธิปไตยอีกเลย เจ้าแผ่นดินก็ตั้งหน้าสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและพรรคพวก แทรกแซงการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง เมื่อเกิดการต่อต้านก็ใช้กลุ่มลูกเสือชาวบ้านออกมาเข่นฆ่าประชาชนล้มตายเหมือนสัตว์ข้างถนน .

  9. นางในหัวใจเธอ permalink
    วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 14:40 น.

    ดิฉันมีหนึ่งโครงการยาวนานนำเสนอ .. แต่เก็บไว้ในใจ ฉันมองดูแผนที่ประเทศไทยมันคือของฉัน ทรัพยากรทั้งหมดต้องเป็นของฉันโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนกลางประเทศ ที่ดินทุกตารางฉันจะเป็นคนกำหนด รัฐคือกลไกหัวของใจของฉัน (ปล่อยให้พวกมันคอรัปชั่นบ้าง)โยนเสษเนื้อนิดหน่อย..แล้วมันจะปกป้องฉันทำตามที่ฉันต้องการ ใครอยากได้สัมปทาน ถนนหนทาง สนามบิน ก่อสร้าง จิปาถะเอาไป อย่าลืม % ของฉันได้งานแล้วห้ามไปพูดบอกใคร. ทหารคือคือพวกโง่ที่บ้าอำนาจ เป็นตัวช่วยเมื่อยามจำเป็นฉันต้องเลี้ยง ๆ ไว้พวกมันจะได้ไม่แตกแถว ใครนอกแนวให้กำจัด ใครจัดการให้ฉัน ฉันจะมีรางวัลเป็นที่ดินแปลงสวย..แค่เอาไม้จิ้มลงบนแผ่นที่ ตรงนี้มึนเอาไป สงสัยไหม ทำไมคนหน้าตาดี ๆ หลงไปเป็นเจ้าของที่ที่มีเอกสารสิทธิ์แล้วหรือที่ของรัฐ ฉันให้เธอแล้วค่าจ้างมีปํญหาไปแก้กันเอาเอง ฉันจำเป็นต้องวางยา จะได้ไม่ซ่ากับฉัน. ฉันรู้พวกมันชอบสามอย่าง อำนาจ, เงิน, กาม สองอย่างแรกฉันต้องตัดใจให้มัน(ดิฉันงกมาก) อย่างสุดท้ายไปถามเอากับเพื่อนฉัน คุณชูวิทย์ เดียวแกจัดให้… ขออนุญาติคะขอดิฉันไปนั่งดูแผนที่ต่อ… เด่วมาขอต่ออีกทีวันถัดไป.. lol….

  10. นางในหัวใจเธอ permalink
    วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 14:49 น.

    เลขาฉันหายไปไหน เตรียมมารับคำสั่งไปดำเนินการต่อ…… **วัน ๆ นั่งลูบเป้านักมวย ทำวงการมวยจะเป็นตุ๊ดกันหมดแล้ว.. ช่างหัวเถิกมันปะไร แต่มันทำงานให้ฉันดี้ดี สมปรารถนาทุกประการ มานานกาเล ฉันต้องปิดตาข้างนึง หรือสองตาซะบ้าง เพราะยังมีงานใหญ่รออยู่ อย่าให้เรื่องเล็กมาทำให้งานใหญ่เสีย ฉันต้องใจเย็น ๆ เย็น ๆ .. แต๊วอยู่ไหนนนนน มาหาหน่อยยย….

ใส่ความเห็น