ข้ามไปยังเนื้อหา

จับผมให้ได้ซิ….

วันพฤหัสบดี 11 ธันวาคม 2008

Catch me if you can
วันอาทิตย์ 30 พฤษจิกายน 2551
โดย อนิล บอยรูล
ที่มา –  Arabian Business
แปลและเรียบเรียง – chapter 11

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วประเทศไทยได้เข้าสู่เหตุวิกฤติ เมื่อประชาชนนับหมื่น ได้ล้อมรัฐสภาเพื่อขับไล่รัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลหุ่นของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

ตั้งแต่ปี 2549 ที่คุณทักษิณถูกทำรัฐประหารแบบไม่เสียเลือดเนื้อ อังกฤษได้ยกเลิกวีซ่าของท่าน และท่านได้หย่าขาดจากคุณหญิงพจมาน และโทษจำคุกสองปีได้รอท่านอยู่ที่ประเทศไทย ถ้าท่านกลับไป ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์กับ Arabian Business เป็นครั้งแรกในเวลา 18 เดือน

คุณทักษิณจะเดือดร้อนหรือไม่ท่านก็ไม่แสดงออก ประเทศไทยได้มีหมายจับท่าน อังกฤษได้เพิกถอนวีซ่าท่าน และบางประเทศของตะวันตกได้ทำตัวเหินห่างกับชายผู้หนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมิตรที่ดีที่สุดในเอเชีย คุณทักษิณได้แต่ยักไหล่

คุณทักษิณได้กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆว่า “คุณทราบหรือไม่ว่าในโลกนี้มีกี่ประเทศ มี 197 ประเทศ และมีเพียง 17 ประเทศที่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย และเพียง 10 ประเทศที่สัญญายังมีผล ดังนั้น อย่าได้ห่วงผมเลย ผมยังมีอีกหลายประเทศที่ต้อนรับผม”

หนึ่งในประเทศนั้นคือดูไบ ประเทศที่คุณทักษิณได้พำนักอย่างสุขสบายในโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งคุณทักษิณสมควรจะได้พักผ่อนเช่นกัน จากที่เคยยุ่งมากในปี 2551 ชายคนหนึ่งที่ในปี 2544 เคยได้รับเลือกตั้งให้เข้าบริหารประเทศด้วยคะแนนที่ชนะคู่ต่อสู้อย่างถล่มทลาย

เมื่อสองปีที่แล้วที่คุณทักษิณมาประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ค และถูกทำรัฐประหารแบบไม่เสียเลือดเนื้อ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้ประท้วงหลายๆเดือนก่อนที่ท่านจะออกจากประเทศ สุดท้ายคุณทักษิณก็พักอยู่ที่อังกฤษ และได้ซื้อทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้

หลังการเลือกตั้งปี 2550 พรรคพลังประชาชนได้ชัยชนะอย่างท่วมท้น ได้คะแนนเสียงข้างมากและได้จัดตั้งรัฐบาลร่วม คุณทักษิณได้กลับประเทศไทยเมื่อปี 2551 เพื่อมารับหมายศาลในคดีฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่คุณทักษิณและคุณหญิงได้หนีประกัน และศาลได้ตัดสินจำคุกสองปีในข้อหาหนีหมายศาล ในทันทีที่ท่านเดินทางกลับประเทศไทย

อังกฤษได้อายัดเงิน 40 ล้านดอลล่าห์ ทำให้ทักษิณต้องขายทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ให้แก่ ชีค แมนเซาว์แห่งอบูดาบี้ แต่ปัญหาไม่ได้หมดไปแค่นั้น อังกฤษได้ยกเลิกวีซ่า และคุณทักษิณได้หย่าขาดกับภรรยา

คุณทักษิณกล่าวปนหัวเราะว่า “ไม่กี่เดือนมานี่ผมยุ่งมาก” และคุณทักษิณจะยุ่งมากกว่านี้ เมื่อคุณทักษิณตั้งใจจะกลับเข้าสู่การเมือง แก้ไขความจนของประชาชนโลก จัดระบบสาธารณสุขให้กับประเทศในตะวันออกกลาง และในขณะที่ท่านทำงานเช่นนั้น ท่านได้จัดตั้งมูลนิธิขนาดใหญ่พอควร ในการที่จะดูแลประเทศเอเชียที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติเศรษฐกิจ

ที่จะเกิดปัญหาจริงๆใน “รายการที่ทักษิณจะทำ” คือการกลับเข้าสู่การเมือง เมื่อ 21 ตุลาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญ 5 เสียงใน 9 เสียงได้ตัดสินว่า คุณทักษิณผิดในคดีผลประโยชน์ทับซ้อน และตัดสินให้จำคุก สองปี

ศาลได้ตัดสินว่าคุณทักษิณได้ใช้อำนาจนอกเหนือหน้าที่ในคดีกองทุนฟื้นฟู ที่คุณหญิงพจมานได้ชนะการประมูลที่ดินรัชดาในปี 2546 ศาลตัดสินว่าที่ดินซื้อในนามของคุณทักษิณ ดังนั้นจึงเป็นการกระทำนอกหน้าที่

โทษจำคุกสองปีได้รอคุณทักษิณอยู่ ยังไม่รวมถึงศัตรูทางการเมืองเป็นหางว่าวที่ไม่ต้องการเห็นคุณทักษิณตลอดชีวิต ฉะนั้น การเดินทางกลับประเทศไทยของทักษิณ จึงไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก

คุณทักษิณได้ยืนยันว่า “ผมไม่มีทางเลือก ช่วงแรกที่ผมต้องออกจากประเทศ ภรรยาผมขอร้องไม่ให้ผมกลับไปเล่นการเมือง คุณหญิงไม่ชอบการเมือง และทั้งครอบครัวผมต้องฟันฝ่าอุปสรรคอย่างมาก ฉะนั้น ผมคงไม่กลับไปเล่นการเมือง “

คุณทักษิณกล่าวต่อว่า “แต่ขณะนี้ผมเป็นห่วง เพราะประเทศไทยกำลังดิ่งลงเหวลึก ไม่เหลือความมั่นใจ ไม่เหลือความไว้ใจต่อสังคมนานาชาติ คนจนตามชนบทได้รับความยากลำบาก”

“มีผมเป็นผู้ถือหางเสือ ผมสามารถนำความมั่นใจกลับมาสู่ประเทศไทยอย่างรวดเร็ว และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องหาวิธี ที่จะให้ผมสามารถกลับไปสู่การเมืองไทย”

ภรรยาของคุณทักษิณคิดอย่างไรในกรณีนี้ คุณทักษิณตอบสั้นๆเป็นการจบหัวข้อนี้ “คุณหญิงได้หย่ากับผมแล้ว”

พันธมิตรได้ปิดถนนทุกสายที่ไปสู่รัฐสภา และบุกสถานที่ราชการอื่น บังคับให้นายกรัฐมนตรียกเลิกแผนงาน เป็นการตอบโต้ที่ได้โดนระเบิดเมื่อต้นเดือนนี้และมีคนตายไปหนึ่งคน

ความรุนแรงขยายขึ้นเช่นเดียวกับที่ arabian business ขยายทางสื่อ ผู้นำกองทัพได้ขอให้รัฐบาลลาออกและให้มีการเลือกตั้งใหม่สถานการณ์ที่ไม่เป็นการดีต่อการกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ

คุณทักษิณกล่าวว่า “ผมอยู่ที่นี่ได้และทำธุรกิจ สนุกกับชีวิตบ้าง แต่ผมต้องกลับไป กลับไปหาคนของผม และผู้ที่สนับสนุนผม คนเหล่านั้นส่วนใหญ่จะยากจน และชนชั้นกลาง”

“ในอดีตคนจนจะมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง พวกเขามองเห็นแต่ความขื่นขมในอดีตและอนาคตที่สั้นๆ เมื่อผมเป็นนายก ผมให้ความหวังเขา ผมให้ความใหม่แก่เขา พวกเขามองเห็นอนาคตของบุตรหลานเขาได้เข้าโรงเรียน และผลผลิตของเขา พวกเขามีความสุข แม้แต่คนขับรถแท็กซี่ และผมได้นำเศรษฐกิจกลับสู่สภาพปกติ”

แต่คุณทักษิณจะได้เป็นนายกอีกครั้งหรือ ซึ่งคุณทักษิณได้ตอบหนักแน่นว่า จะเป็นสิ่งที่เกิดขี้นได้

คุณทักษิณอธิบายต่อว่า “การรัฐประหารยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนจากการรัฐประหารจากทหาร ไปเป็นการรัฐประหารจากศาล ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับพลังของประชาชน ถ้าประชาชนรู้สึกว่าลำบากและต้องการให้ผมช่วย ผมจะกลับไป

คุณทักษิณกล่าวต่อว่า “ถ้าในหลวงยังรู้สึกว่าผมจะมีประโยชน์ผมจะกลับไปและในหลวงอาจพระราชอภัยโทษให้แก่ผม แต่ถ้าประชาชนไม่ต้องการผม และในหลวงรู้สึกว่าผมไม่ได้ทำอะไรให้ดีขี้น ผมจะอยู่ที่นี่และทำธุรกิจไป ผมจะมีชีวิตอยู่กับเพื่อน”

วันนี้ คุณทักษิณอยู่แถบ gulf ติดต่อกับเพื่อนสนิทในด้านธุรกิจและผู้นำทางการเมืองทั้งหลายในภูมิภาค ทักษิณกล่าวว่า เขารู้สึกถึงการต้อนรับที่ได้ ไม่เหมือนอังกฤษที่หลายๆคนได้ประหลาดใจกับการตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษที่เพิกถอนหนังสือเดินทางของเขา ณ.วันนี้ คุณทักษิณเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง แต่เก็บความเห็นไว้กับตัวเองในการที่ต้องออกจากอังกฤษ

คุณทักษิณยังคงกล่าวว่า “ผมคิดว่าอังกฤษเป็นประเทศประชาธิปไตยเต็มใบ และอังกฤษควรเข้าใจว่าผมเป็นเหยื่อของการรัฐประหาร ผมเป็นเหยื่อของเผด็จการ แม้ว่าจะเป็นคำตัดสินของศาลก็เถิด”

No comments yet

ใส่ความเห็น