ข้ามไปยังเนื้อหา

การเรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายหมิ่นฯ

วันพฤหัสบดี 5 มีนาคม 2009

Call for Thai monarchy law reform
From corespondents in Bangkok
๔ มีนาคม ๒๕๕๒ – Heraldsun

กลุ่มนักวิชาการได้ดำเนินการรณรงค์ให้มีการปฎิรูปกฎหมายร้ายแรงที่ปกป้องราชวงศ์อันเป็นที่รักของประเทศไทยอย่างเหวี่ยงแหนี้ ในขณะที่มีการติดตามปราบปรามกับคนที่ละเมิดกฎหมายนี้อย่างถึงพริกถึงขิง

ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า ๕๐ คนรวมถึงนักภาษาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง นอม ชอมสกี้ ได้ร่วมลงนามในจดหมายที่จะส่งไปยังนายกรัฐมนตรีของไทยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งในจดหมายได้มีใจความว่า กฎหมายนี้ได้ถูกใช้ในการข่มเหงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

จดหมายได้ถูกเปิดผนึกในการแถลงข่าวของสื่อมวลชนที่แน่นห้องประชุม ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงเทพ และผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียง ๒ ท่าน ได้บรรยายการประชุมผ่านทางอินเตอร์เน็ตวิดิโอโฟน

ธงชัย วินิจจะกุลนักวิชาการจากอเมริกาได้กล่าวในการประชุมของสื่อผ่านทางวิดิโอว่า “เราจะต้องอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยไปอีกนานเท่าไรต่อบรรยากาศแห่งความกลัวนี้ กฎหมายหมิ่นฯได้สร้างบรรยากาศแห่งความน่าสพึงกลัวดังกล่าว”

กฎหมายหมิ่นฯ สำหรับในประเทศไทยมีความหมายถึงการหมิ่นหรือการทำลายชื่อเสียงต่อกษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดช พระชนมายุ ๘๑ พรรษา หรือต่อสมาชิกของราชวงศ์ทั้งหลาย การลงโทษจะเป็นการจำคุกถึง ๑๕ ปี

เดือนที่แล้ว นักเขียนชาวออสเตรเลีย แฮรี นิโคไลเดสได้รับการอภัยโทษหลังจากโดนคุกไป ๓ ปี ในการทำให้เจ้าฟ้าชายเสื่อมเสียชื่อเสียงจากหนังสือที่เขาพิมพ์ออกมาขายเอง

ใจ อี๊งภากรณ์ อาจารย์สอนรัฐศาสตร์ที่ปากกล้าได้หนีไปประเทศอังกฤษเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากได้ถูกตั้งข้อหาจากหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการทำรัฐประหารของประเทศไทยในปี ๒๕๔๙

จดหมายเพื่อการรณรงค์นี้ได้เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวบุคคลต่างๆที่ถูกจำคุกจากคดีกฎหมายหมิ่นฯ ให้มีการปฎิรูปกฎหมายและให้หยุด “ใช้วิธีการกดดันต่อบุคคลทั่วไป ต่อเว็บไซต์ และต่อการแสดงออกทางความคิดเห็นอย่างสงบ”

ในจดหมายยังได้มีใจความอีกว่า “ในฐานะนักวิชาการและผู้สังเกตการณ์ที่มีความเห็นใจต่อประเทศไทย เรารู้สึกเป็นกังวลอย่างมากต่อการฟ้องร้องทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศในคดีกฎหมายหมิ่นฯที่เป็นอยู่ในขณะนี้”

“แทนที่จะเป็นการปกป้องชื่อเสียง กฎหมายหมิ่นฯนี้ กลับยิ่งเพิ่มให้มีการวิจารณ์ต่อราชวงศ์และประเทศไทยหนาหูมากยิ่งขี้น”

ธงชัยและผู้ร่วมดำเนินรายการแอนดรูว์ วอคเกอร์ ซึ่งได้พูดมาจากประเทศออสเตรเลีย ทั้งคู่ติดงานไม่สามารถมาร่วมรายการได้ด้วยตัวเอง แต่ได้ยอมรับว่า มีความรู้สึก “ระแวดระวัง” ในการที่จะเข้าร่วมการถกเถึยงดังกล่าวในประเทศไทย

บทบาทของราชวงศ์ในประเทศไทย มีการเข้ามาเกี่ยวข้องจากการถูกนำมาอ้างของกลุ่มคลั่งเจ้า ซึ่งเป็นพวกที่เข้ายึดสนามบินกรุงเทพเมื่อปีที่แล้ว และยังคงเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุดในราชอาณาจักร          

ได้มีรายงานอย่างเป็นทางการว่ามีเว็บไซต์มากกว่า ๔,๘๐๐ เว็บไซต์ได้ถูกบล็อกตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เนื่องจากมีเนื้อหาหมิ่นราชวงศ์ และในรายงานนี้ได้มีคดีอย่างน้อย ๑๗ คดีที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี
 
ก่อนหน้านี้อภิสิทธิ์ได้ออกมาปกป้องต่อการปราบปรามอย่างรุนแรงนี้ ซึ่งเขาได้กล่าวกับ AFP ว่า มี “ความแตกต่างทั้งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม” ระหว่างประเทศไทยและประเทศอื่นๆ

แปลและเรียบเรียงchapter 11
ที่มา: http://www.news.com.au/heraldsun/story/0,21985,25139487-5012747,00.html

3 ความเห็น leave one →
  1. พัลลภ สุนทรพิมล permalink
    วันพฤหัสบดี 5 มีนาคม 2009 15:04 น.

    Its time that someone do something about this law. We totally agree that this law should be abolished. Its has been use as a tool from the top to get rid of ordinary people. If he or she is sure that they are as good as god, why should they be afraid of any criticism?

  2. FreedomFighter permalink
    วันจันทร์ 9 มีนาคม 2009 17:06 น.

    YES “Lese Majeste” is Witch Hunt law.

    Did french revolution reminds any of those in justice area?
    what happens before, what caused it. and its ultimate outcome.

    It is the “Love” that makes “Loyalty”. not fear.

    Save the King, End this law.

  3. i'm student permalink
    วันเสาร์ 27 มิถุนายน 2009 16:29 น.

    ก็ถ้าใครไม่พอใจกฎหมายฉบับนี้ ก็ออกมาเปิดเผยตัวสิ

    จะได้ติดคุกไปให้หมด ไอ้พวกไม่สำนึก

ใส่ความเห็น