ข้ามไปยังเนื้อหา

ปาฐกถาโดย ใจ อี๊งภากรณ์ ที่สถาบันตะวันออกและแอฟริกันศึกษา มหาวิทยาลัยลอนดอน

วันพฤหัสบดี 26 กุมภาพันธ์ 2009

กฎหมายหมิ่นฯ ทำไมมันทำลายประชาธิปไตย
Lese Majeste in Thailand:  Why it destroys democracy


วิทยากร: ร.ศ. ใจ อึ๊งภากรณ์ จากจุฬาฯ
วันจันทร์ 23 กุมภาพันธ์ 2552 – Room G2, SOAS Main Building
School of Oriental and African Studies University of London

ใจ อึ๊งภากรณ์ ตอน 1 แนะนำตัว

สวัสดีค่ะทุกท่าน สำหรับคนที่ไม่รู้จักดิฉัน ดิฉันชื่อ แคโรล ซีมัว โจนส์ ดิฉันเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานของคณะกรรมการเพื่อสิทธิของนักเขียนที่ถูกคุมขังของ PEN ในอังกฤษ  PEN เป็นองค์กรของนักเขียนของโลกซึ่งมีศูนย์อยู่ใน 144 ประเทศทั่วโลก เราส่งเสริมวรรณกรรมและเราสนับสนุนเสรีภาพในการพูด และองค์กรของดิฉันเป็นเป็นองค์กรเพื่อสิทธิของนักเขียนที่ถูกคุมขัง ซึ่งได้เป็นกังวลโดยเฉพาะกับการรณรงค์ในฐานะของนักเขียนที่ถูกดำเนินคดี อย่างเช่น ใจ อึ๊งภากรณ์ นักเขียนซึ่งนั่งอยู่กับเรา ณ ที่นี้

ศตวรรษที่ 21 เป็นเวลาที่มีอันตรายสำหรับนักเขียน นักข่าวหรือ แม้แต่นักวิชาการ นักเขียนหลายคนได้ตกเป็นเหยื่อจากการแสดงออกอย่างอิสระ นักเขียนจากประเทศตุรกีถึงประเทศไทย และรอบโลกถูกจับขังคุก ถูกทารุณกรรม ในการแสดงความคิดเห็นพื้นฐาน ในการแสดงออกอย่างเสรีซึ่งตามมาตรา 19  ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในภาคีของสนธิสัญญานี้

คืนนี้เรามีความภูมิใจที่จะเสนอ ร.ศ. ด้านรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใจ อึ๊งภากรณ์ ผู้ซึ่งเป็นเหยื่อที่กล้าหาญของแรงกดดันจากฝ่ายผู้มีอำนาจให้หนีออกจากประเทศไทย ใจโดนคดีซึ่งถ้าตัดสินจะต้องติดคุกนานถึง 15 ปี และใจทราบว่าเขาจะไม่ได้รับการตัดสินคดีที่ยุติธรรม ขณะนี้ใจปลอดภัยแล้วที่อ็อกซ์ฟอร์ด เราคือ PEN พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อกล่าวหาคดีหมิ่นในการหมิ่นราชวงศ์ที่กล่าวหาใจจากหนังสือที่ตีพิมพ์ชื่อ “รัฐประหารสำหรับคนรวย” เป็นหนังสือที่วิจารณ์การทำรัฐประหารในปี 2549 ในประเทศไทย

เราพิจารณาเห็นว่าการกล่าวหาดังกล่าวได้เป็นการละเมิดมาตรา 19 และเราร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของไทยให้ยกฟ้องใจ ในประเทศไทยได้มีบุคคลต่างๆถูกกล่าวหาในคดีของกฎหมายหมิ่นที่ล้าหลังเพิ่มจำนวนขี้น ดังนั้นเราขอร้องเรียนต่อรัฐบาลของประเทศไทยให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นอันเป็นกฎหมายอาญานี้เสีย ซึ่งเป็นกฎหมายที่เข้มงวดต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างชอบธรรม ที่มีต่อราชวงศ์และเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพูด นักเขียนหลายๆคน และดิฉันขอให้คุณเข้าไปดูการร้องเรียนของใจเองในเว็บไซต์ของ PEN อังกฤษ ซึ่งเราได้ให้การสนับสนุนการร้องเรียนดังกล่าว และนักเขียนหลายๆคนในประเทศอังกฤษได้เข้าร่วมลงชื่อตามที่ปรากฏให้เห็นในเว็บไซต์

ใจเป็นนักเขียนคนที่สองที่ถูกตั้งข้อหา นักเขียนชาวออสเตรเลีย แฮรี นิโคไลเดสซึ่งได้ถูกตัดสินจำคุกก่อนหน้านี้เป็นเวลา 6 ปี แรงกดดันจากนานาชาติจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ดิฉันคิดว่านี่คือทำไมเราถึงได้มาอยู่ที่นี่ในคืนนี้ แฮรี่ขณะนี้ได้รับการอภัยโทษหลังจากที่ได้สารภาพผิด แต่ใจได้กล่าวว่า เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด ในแถลงการณ์ ใจได้เรียกร้องในสิทธิของการชุมนุมและการแสดงออกตามพื้นฐานของประชาธิปไตย ในการแสดงความเห็นอย่างเสรี และสำหรับความเท่าเทียมกันทางสังคมในประเทศไทย ดิฉันขอแนะนำคุณใจ ให้เล่าเรื่องความใจกล้าแบบเฉพาะตัวให้พวกเราได้รับฟัง ขอบคุณ

(ตบมือ)

ใจ: ขอบคุณครับ ก่อนอื่นผมขอแสดงความขอบคุณต่อ PEN ที่ได้รณรงค์ในนามของผมและคนอื่นๆในเรื่องนี้อย่างหนัก ผมขอขอบคุณกลุ่มสมาคมปาเลสไตน์เช่นกันที่ได้จัดให้มีการบรรยายในครั้งนี้ ผมเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มปาเลสไตน์นี้เช่นกัน

(ภาษาไทย) ” แล้วก็ยินดีที่มีเพื่อนจากประเทศไทยมาฟังจำนวนมาก ถ้าอยากคุยกับผมภายหลังเป็นภาษาไทย ก็เปิดโอกาสให้คุยได้”

ห้าปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เคยมีประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอย่างสมบูรณ์ แต่เป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องอย่างช้าๆ ได้มีการเคลื่อนไหวของประชาสังคม ได้มีการรณรงค์เพื่อคนยากคนจน ได้มีการรณรงค์ในหลายๆเรื่อง แต่วันนี้ประเทศได้คลานกลับไปสู่ระบบการปกครองแบบรวบอำนาจ (Totalitarianisms) ระบบรวบอำนาจอย่างในปี 2503 ซึ่งเป็นการรวบอำนาจของรัฐบาลทหาร สังคมไทยถูกควบคุมตามที่เรียกกันว่า “ปีศาจมืด (the dark monster) – ปีศาจมืดของระเบียบใหม่ (the dark monster of the new order) เป็นระเบียบใหม่ซึ่งเป็นการดิ้นรนระหว่างคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยต่อคนที่ปิดสนามบิน เราจะมาพูดในเรื่องนี้กันในภายหลัง

เมื่อห้าปีที่ผ่านมา เรามีรัฐบาลอันมีพรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารประเทศ ภายใต้ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณไม่ใช่เป็นผู้วิเศษ ผมได้เป็นตัวนำในการประท้วงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในนโยบายสงครามยาเสพติด ในยุคทักษิณได้มีคนถูกฆ่าตายไปถึง 3,000 คนโดยไม่ได้รับการพิจารณาคดีที่ยุติธรรม ในยุคทักษิณอีกเช่นกัน 100 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงฆ่าตาย แต่เราก็สามารถประท้วงต่อการกระทำเช่นนั้นได้ ไม่มีใครถูกตั้งข้อกล่าวหาหมิ่น และเรายังรณรงค์ต่อไปได้ แต่ทุกอย่างทำไม่ได้หลังรัฐประหารในเดือนกันยายน 2549  ผมต้องการให้คุณเข้าใจว่าคนที่สนับสนุนรัฐประหารของกองทัพไม่ได้ใส่ใจกับการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน พวกเขาไม่ได้ใส่ใจจะรณรงค์ประท้วงกับสงครามยาเสพติด พวกเขาไม่ได้แม้แต่ปกป้องสิทธิของชาวมุสลิมมาเลย์ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้

นี่คือภาพของการทำรัฐประหารโดยกองทัพในปี 2549 ผมคิดว่าเป็นภาพที่น่าสังเวช เพราะกองทัพได้เถียงว่าได้ทำรัฐประหารในนามของกษัตริย์ กองทัพได้เถียงว่าได้ทำเพื่อปกป้องราชวงศ์และยังอ้างว่าได้พูดในนามของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ท่านไม่สามารถวิจารณ์เราได้เพราะถ้าท่านวิจารณ์เราก็เหมือนท่านวิจารณ์ราชวงศ์ ดังนั้นท่านจะต้องเข้าคุกในข้อกฎหมายหมิ่น นี่เป็นสาเหตุให้ผมถูกตั้งข้อหาคดีหมิ่นฯ เวลานี้กองทัพที่ทำการรัฐประหารได้ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้สมบูรณ์นัก มีหลายข้อที่เราไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นฉบับที่ก้าวหน้าที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา เรามีสิทธิ มีบุคคลที่จะเข้าไปเฝ้ามองการทำงานของรัฐบาล มีการรายงานให้ประชาชนได้ทราบถึงการทำงาน

แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกกองทัพฉีกทิ้งในทันที แล้วแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา วุฒิสมาชิกซึ่งประกอบไปด้วยพวกพ้องของตัวเอง และที่น่าสมเพศที่สุดกองทัพยังได้แต่งตั้งตัวเองเป็นคณะกรรมการขององค์กรรัฐวิสาหกิจต่างๆ เช่น การท่าอากาศยานฯ  โดยทั่วไปแล้วกองทัพได้อ้างว่าการทำรัฐประหารไม่เพียงแต่ปกป้องราชวงศ์ แต่ได้ทำเพื่อต่อต้านการคอรัปชั่นของทักษิณ ชินวัตร ผมพบว่ามันเป็นคำอ้างที่น่าทุเรศ ผมไม่ได้แก้ตัวแทนทักษิณ ผมไม่ได้พูดว่าทักษิณไม่ได้โกงกิน แต่กองทัพก็มีการโกงกันเหมือนกันแต่โกงเข้ากระเป๋าตัวเองโดยการแต่งตั้งพวกของตัวเองไว้ในตำแหน่งต่างๆ กองทัพได้ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ลดความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทย

เราเคยมีวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ขณะนี้ครึ่งหนึ่งของสมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้ง จากใครหรือ ก็พวกพ้องของกองทัพนั่นเอง และหน่วงงานที่เรียกตัวเองว่า องค์กรอิสระอื่นๆก็ถูกแต่งตั้งมาจากพวกนี้ที่กองทัพได้แต่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่ต้น  มันก็คล้ายกับวนเวียนอยู่ในอ่าง กองทัพและพรรคพวกตัวเองได้แต่งตั้งศาลขึ้นมา ศาลได้แต่งตั้งวุฒิสมาชิก วุฒิสมาชิกแต่งตั้งคนที่เรียกว่าองค์กรอิสระ นี่คือสิ่งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้นำเข้ามา ซึ่งได้เพิ่มอำนาจของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

พอเพียงแบบหลอกลวง และ ปฎิเสธประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2549

เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ว่ารัฐธรรมนูญนี้บัญญัติไว้เป็น 3 ตอน นั่นคือรัฐบาลไทยต้องใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบพอเพียงของกษัตริย์ และจะต้องใช้นโยบายเสรีนิยมใหม่ ซึ่งสองนโยบายนี้ไปด้วยกัน คุณคงจะสงสัยว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี้เป็นอย่างไร จริงๆแล้วจะมีความผิดถ้ามีการตั้งคำถามในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของกษัตริย์ เพราะว่าจะเป็นการหมิ่นราชวงศ์ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมกำลังจะทำอยู่ในขณะนี้

เศรษฐกิจพอเพียงกล่าวไว้ว่าประชาชนต้องรู้สภาพของตัวเอง ถ้าคุณรวยคุณใช้จ่ายได้ตามปรารถนา แต่ถ้าคุณยากจนคุณต้องใช้ให้น้อยเพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ แหม..ไอ้เรื่องแบบนี้ ไม่ต้องเป็นคนฉลาดก็คิดได้

เศรษฐกิจแบบพอเพียงควรเป็นทางออกสำหรับวิกฤติเศรษฐกิจ ควรเป็นวิธีที่จะไม่ให้คนยากจนต้องตกเป็นหนี้ นโยบายนี้ได้กล่าวว่าคนจนไม่ควรใช้จ่าย เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นหนี้ คนจนยังต้องจนต่อไป เด็กนักเรียนไม่ต้องมีหนังสือเรียน เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เป็นทฤษฎีทางด้านเศรษฐศาสตร์ใดๆ นโยบายไม่ได้พูดถึงหน้าที่ของรัฐ หรือตลาด หรือการจัดการกับเศรษฐกิจอย่างไร แท้จริงแล้วเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแค่ปรัชญา เป็นความเพ้อฝันของพวกฝ่ายขวา ซึ่งกล่าวว่ากษัตริย์น่ะพอเพียงกับการมีพระราชวังหลายที่ และกับการที่กษัตริย์เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ระดับนานาชาติ และคนจนต้องพอใจในความจนของตัวเอง ชาวนาในไร่ในนาต้องพอเพียงโดยไม่ต้องมีการลงทุนกับโครงการแบบใหม่ๆ คนทำงานในโรงงานต้องพอเพียงกับค่าแรงขั้นต่ำที่ได้ นั่นก็คือเศรษฐกิจพอเพียง

โชคดีที่ว่าประชาชนไทยได้เริ่มเข้าใจว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไร ประชาชนไทยเข้าใจว่าคนที่บอกเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนี้ตัวเองไม่เคยมีความพอเพียง จะพูดอย่างนี้ก็ได้ กษัตริย์มีสระว่ายน้ำ… แต่คนหลายๆคนในประเทศไทยไม่เคยแม้แต่ได้ใช้สระว่ายน้ำ คนหลายๆคนในประเทศไทยไม่เคยแม้แต่จะเรียนในโรงเรียนที่มีอุปกรณ์การศึกษาที่เหมาะสม ผมว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าเศรษฐกิจที่ควรสงสัยมากกว่า เราควรต้องมีรัฐสวัสดิการที่เหมาะสม ซึ่งคนไทยจะได้เป็นคนไทยเสียที แต่ในขณะนี้ สังคมไทยเป็นสังคมที่คนได้นับถือคำว่า “ท่าน (sir)” คือคนรับใช้ (servants) คนรับใช้ของกษัตริย์ คนรับใช้ของศักดินา

กลับมายังเรื่องรัฐประหารของกองทัพเมือปี 2549 กองทัพได้ร่างรัฐธรรมนูญและมีการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่มีการกระทำผิดกฎหมายในการรณรงค์เพื่อการลงประชามตินี้ ประชาชนถูกจับในการรณรงค์ต่อต้านการลงประชามตินี้ ก็ดูซิ สื่อได้ลงทั้งรูป ทั้งบทความและมีการโฆษณาโหมโรงให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญนี้ แถมจังหวัดที่ใช้เป็นสถานที่ในการลงประชามตินี้ก็อยู่ภายใต้การประกาศกฎอัยการศึก ตัวช่วยเหล่านี้เป็นการส่งเสริมให้มีการรับร่างรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ส่งเสริมให้กองทัพทำการรัฐประหารก็คือการออกโรงของพันธมิตร พันธมิตร(PAD)เป็นการตั้งชื่อที่ขัดแย้งกับการกระทำของตัวเอง คนพวกนี้ต้องการสร้างการเมืองใหม่ในประเทศไทย ซึ่งแยกคนจนออกจากการออกเสียงเลือกตั้ง หรือคะแนนเสียงเลือกตั้งของคนจนมีความหมายน้อยกว่าคะแนนเสียงของคนชั้นกลาง

บนจอนี้คุณจะเห็นสนธิ ลิ้มทองกุล ในเสื้อสีฟ้า นั่งเอาหัวชนกับหนึ่งในผู้นำการทำรัฐประหาร สนธิ ลิ้มทองกุลเป็นหนึ่งในแกนนำของพันธมิตร กำลังฉลองปาร์ตี้ครบรอบหนึ่งปีของการทำรัฐประหาร ไม่นานหลังจากการทำรัฐประหาร ทหารได้ผูกริบบิ้นสีเหลือง ทหารได้พยายามปิดกั้นและค้นรถโดยสารที่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีประชาชนเข้ามาร่วมการประท้วง ทหารได้สกัดกั้นประชาชนที่จะเข้าร่วมในงานสมัชชาสังคมไทยที่พวกเราได้จัดให้มีขึ้นสองเดือนหลังจากมีการทำรัฐประหาร

และตามรูปนี้เป็นการรณรงค์เพื่อให้ประชาชนลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับทหาร ซึ่งมีประชาชนเพียงส่วนน้อย เป็นการแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่มีความพอใจกับรัฐธรรมนูญนี้ พวกเขาอาจแค่ต้องการให้มีการเลือกตั้งก็ได้

เมื่อมีการจัดการเลือกตั้งพรรคของทักษิณชนะอีกครั้ง แต่ต้องมีการเปลี่ยนชื่อพรรคเนื่องจากศาลได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมีคำสั่งให้ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคไทยรักไทยจึงต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พรรคพลังประชาชน และศาลถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือครั้งที่สองโดยมีคำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคพลังประชาชนจึงต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งแต่ละครั้งประชาชนได้ลงคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นให้พรรคการเมืองที่เคยนำโดยทักษิณ การเลือกตั้งแต่ละครั้งทั้งกองทัพ ทั้งศาล ทั้งพวกที่ไม่ยอมให้ประเทศไทยมีความเจริญ ได้ร่วมกันทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ผมคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจในเรื่องนี้สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย หรือทำความเข้าใจกับการเมืองหรือพันธมิตรคืออะไร พันธมิตรเริ่มต้นมาจากการรวมกลุ่มกันของเหล่านรก เป็นการรวมกลุ่มระหว่างสนธิ ลิ้มทองกุล พวกขวาจัดคลั่งเจ้าและนักธุรกิจ กับจำลอง ศรีเมือง พวกขวาจัดซึ่งต่อต้านสิทธิของผู้หญิงในการทำแท้ง ต่อต้านเสรีภาพในด้านการนับถือศาสนาสำหรับคนอื่น และการร่วมกลุ่มของสองคนนี้กับนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมรุ่นเก่าอย่างสมศักดิ์ ผู้นำสหภาพแรงงาน และพิภพ ธงชัยผู้นำเอ็นจีโอ และคนอื่นๆ

หลังการทำรัฐประหาร คนกลุ่มนี้ได้เริ่มการเคลื่อนไหวด้วยการต่อต้านทักษิณ ได้พูดแต่เรื่องการคอรัปชั่นของทักษิณเท่านั้น ไม่เคยพูดถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่เคยพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ยิ่งดูเหมือนเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเผด็จการเข้าไปทุกที คุณจะเห็นพันธมิตรพร้อมอาวุธ บุคคลหลายคนในรูปด้านล่างที่ผูกผ้าสีม่วงถือปืนไว้ใช้ยิงประชาชนที่สถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ และพวกนี้ได้ชูรูปของกษัตริย์

ดังนั้นพวกอันธพาลนิยมความรุนแรงได้เข้ายึดถนนในกรุงเทพ และคุณคงพอเข้าใจได้ว่าพวกนี้ได้เข้ายึดสนามบินได้อย่างไร เพราะสนามบินทั้งหลายอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ และกองทัพบกได้อนุญาตให้บุคคลเหล่านี้บุกเข้ายึดสนามบิน กองทัพบกอนุญาตให้บุคคลเหล่านี้เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล บุคคลเหล่านี้ขโมยอาวุธปืนจากทำเนียบรัฐบาล และบุคคลเหล่านี้ยังจะก่อสงครามกับประเทศกัมพูชา

เมื่อผมอายุได้ 7 ขวบเรียนที่โรงเรียนในประเทศไทย ได้มีการพิพาทระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับเรื่องประสาทพระวิหารที่สร้างบนเขาตั้งอยู่ชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา และศาลโลกได้วินิจฉัยว่าให้ตกเป็นของกัมพูชา และคุณคิดว่าเรื่องพิพาทจะจบสิ้นหรือ เปล่าเลย พันธมิตรได้ยกเรื่องนี้ขี้นมาอีกโดยกล่าวว่าประสาทพระวิหารต้องเป็นของประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์จะล้มรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งมองเห็นได้ว่าพันธมิตรไม่เพียงแต่ติดอาวุธ ไม่เพียงแต่เป็นพวกคลั่งเจ้า ไม่เพียงแต่อ้างเรื่องรักชาติ ซึ่งไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนทั่วไป แต่พวกนี้เป็นการทำเพื่อชนชั้นกลางโดยเฉพาะในกรุงเทพ พวกนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ 16 ล้านคนของประเทศซึ่งได้ลงคะแนนเสียงให้กับไทยรักไทย

ผมขอบอกว่าผมไม่ได้เป็นหนึ่งในคน 16 ล้านคนที่ลงคะแนนเสียงให้ไทยรักไทย และผมไม่เคยเลือกไทยรักไทย

เผด็จการพันธมิตรและการเซ็นเซอร์อันอื้อฉาว

เราจะเห็นประชาธิปไตยค่อยๆถูกกัดกร่อนลงไป เราได้เห็นเหตุการณ์เรียงกันมาในการใช้กลุ่มอาชญากรที่ใช้ความรุนแรงของพันธมิตร กองทัพทำการรัฐประหาร ศาลใช้อำนาจในการยุบพรรคการเมืองและมีกองทัพชักใยอยู่เบื้องหลัง เมื่อศาลได้ยุบพรรคการเมืองในครั้งที่สอง พวกเขาได้ให้สินบนและชักชวนให้พวกสมาชิกในสภาที่มีประวัติเบื้องหลังไม่สะอาดนักให้เปลี่ยนข้างเสีย

และตอนนี้เราก็มีรัฐบาลที่นำโดยพรรคที่ชื่อเสียคือ พรรคประชาธิปัตย์ นายกของพรรคประชาธิปัตย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สำหรับท่านที่ไม่ใช่คนไทย ชื่อต้นของเขาหมายถึง “สิทธิพิเศษ” และเขาก็มีสิทธิพิเศษเพราะเขาจบมาจากอีตั้นและอ็อกซ์ฟอร์ด ตอนนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์มีการกระทำที่ทั้งชั่วช้า และเหมือนพวกเสียสติ แต่มันก็มีสิทธิจะใกล้บ้าได้หรอก เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับเลือกให้เป็นเสียงข้างมากจากประชาชนเลย พวกเขาได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็เพราะมีกองทัพอุ้มขึ้นมา พวกเขาได้ไปนั่งเป็นรัฐบาลก็เพราะมีส.ส.ของพรรคทักษิณรับทั้งสินบนและหักหลัง

แต่คุณคิดดูแล้วกันว่าในเดือนธันวาคม 2551 งานสำคัญหลักงานแรกของรัฐบาลประชาธิปัตย์นี่คืออะไร ตอนนี้คนไทยตกงานเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ แต่งานแรกที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำคือการตามล่าตามล้างในเรื่องกฎหมายหมิ่นฯ นั่นเป็นงานหลักงานเดียวที่พวกเขาทำเพื่อให้แน่ใจว่าได้มีการผลักดันในเรื่องกฎหมายหมิ่นฯ หลายๆคนอาจจะคิดว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ได้มีอำนาจการควบคุมประเทศอย่างแท้จริง ตัวจริงก็คือกองทัพ นั่นอาจจะจริงก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันผมคิดว่ามันคุ้มที่จะตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องหลักที่สมาชิกสภาของพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะผลักดันให้ออกมาก็คือ การเพิ่มโทษจำคุกของผู้ที่กระทำผิดตามกฎหมายหมิ่นฯ จากเดิม 15 ปี ไปเป็น 25 ปี และนี่คืองานหลักของพวกเขา

พรรคประชาธิปัตย์คอยขัดขวางการใช้งบประมาณเพื่อช่วยประชาชนด้านสวัสดิการต่างๆ พวกเขาอิหลักอิเหลื่อที่จะทำการกระตุ้นเศรษฐกิจ พวกเขาเพิ่งจะเริ่มมาทำการกระตุ้นโดยการนำเรื่องไม่กี่อย่างมาใช้ทำการกระตุ้นเศรษฐกิจและก็ไม่เพียงพอ ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเข้าใจว่าต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และทำไมพวกเขาไม่เข้าใจล่ะ ก็เพราะพวกเขาเป็นตัวแทนของพรรคพวกเขาเอง ซึ่งยังคิดว่าสามารถจะเหยียบหัวคนไทยอย่างไรก็ได้

พวกเขาเข้ามาบริหารประเทศในปี 2540 ในยุคที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ และคำแนะนำที่ให้กับคนไทยซึ่งเริ่มตกงานในวิกฤติปี 2540 คือ “กลับไปยังหมู่บ้านของตัวเองเสีย ไปขอความช่วยเหลือจากญาติพี่น้องของคุณ” หรืออีกนัยหนึ่งคือ “ไปอดตายที่หมู่บ้านคุณเสีย และอย่ามาร้องขอความช่วยเหลือใดๆจากเรา” และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เมื่อทักษิณวางนโยบายว่ารัฐบาลของเขาจะดูแลความเดือดร้อนของทุกๆคน ทักษิณจึงเป็นขวัญใจของประชาชน

นี่เป็นอีกรูปหนึ่งของความรุนแรงของเหล่าพันธมิตร

นี่คือภาพของพันธมิตรที่ประจันหน้ากับตำรวจนอกทำเนียบรัฐบาล และได้มีการปะทะกันในวันที่ 7 ตุลาคม

นี่เป็นภาพที่พันธมิตรได้ต่อสู้กับตำรวจ

พันธมิตรมีทั้งระเบิด มีทั้งอาวุธสงคราม มีทั้งอาวุธปืน มีทั้งไม้พลอง และตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตา มีคนเสียชีวิตจากผลของการปะทะนี้สองคน เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นในที่อื่นๆทั่วโลก ผู้ประท้วงจะต้องเป็นผู้ที่ถูกประณามซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุผลที่ถูก แต่สำหรับประเทศไทยทุกอย่างมันกลับตาลปัตร ตำรวจกลายเป็นคนที่ถูกประณามว่าไม่ควรใช้แก๊สน้ำตาในการยับยั้งพันธมิตรไม่ให้ไปปิดล้อมการเปิดการประชุมของรัฐสภา เหล่านี้คือความเห็นของนักวิชาการ เป็นความเห็นของสื่อหลักของไทย และนี่คือสิ่งที่พันธมิตรได้ใช้จัดการกับฝ่ายตรงข้าม

ภาพนี้เป็นภาพที่ได้มาจากสถานีทีวีสาธารณะ (TPBS)

ตามรูปที่เห็นเป็นคนของพันธมิตรขับรถปิ๊กอัพชนตำรวจ ลองเดาซิว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครในพันธมิตรถูกตั้งข้อหา แต่แฮรี นิโคไลเดสที่เขียนแค่ประโยคเดียวในหนังสือของเขาซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าฟ้าชาย เขาต้องเข้าคุก โดนขัง แต่ตอนนี้ได้รับการปลดปล่อยหลังจากติดคุกอยู่เป็นเดือนๆ

แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง คือ สุวิชัย ท่าค้อ กำลังติดคุกเพื่อรอการพิจารณาคดี สิ่งที่สุวิชาทำก็เพียงแต่โพสต์ข้อความในอินเตอร์เน็ต แต่คนที่ขับรถทับคนอื่น คนซึ่งใช้ปืนยิงบนท้องถนน พวกนี้ยังเพ่นพ่านเป็นอิสระ

ทำไมพวกนี้ถึงทำได้ ก็เพราะมีอำนาจมืดหนุนหลังอยู่

วันนี้เรามีการเซ็นเซอร์อย่างบ้าคลั่ง เว็บไซต์ได้ถูกปิดลง เว็บบล็อกหลายๆบล็อกถูกปิดกั้นที่เมืองไทย แต่แน่นอนเค้ารู้กันว่าจะหาทางเข้าไปดูบล็อกพวกนั้นได้อย่างไร มีการเอาเถิดเอาล่อกับกระทรวงแห่งการเซ็นเซอร์ หลายๆคนได้ถูกติดตามจาก หมายเลข IP และถูกจับเข้าคุก

http://siamrd.blog.co.uk/
http://redsiam.wordpress.com/
http://wdpress.blog.co.uk/
http://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/

สิ่งที่เราเห็นในประเทศไทยวันนี้อันเป็นผลมาจากพันธมิตร จากกองทัพ จากการที่ประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศ คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสมัยทักษิณ อย่างที่ผมได้พูดก่อนหน้านี้ว่าผมต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐบาลของทักษิณ แต่รัฐบาลยุคปัจจุบันนี้เลวยิ่งกว่า สื่อไม่มีเสรีภาพในการเสนอข่าวใดๆเลย และสื่อถูกควบคุมโดยพวกที่อยู่ในอำนาจตอนนี้

เหตุผลที่คนมีความเกรงกลัวที่จะขึ้นศาลในคดีหมิ่น ก็เพราะผู้พิพากษาเป็นผู้ที่ตัดสินว่าอะไรจะเป็นการหมิ่น อะไรจะเป็นการไม่หมิ่น ข้อหาที่มีต่อคนเหล่านั้นไม่เคยตีพิมพ์ในสื่อ การที่หนังสือพิมพ์จะบอกว่าการตั้งข้อหาแบบนั้นแบบนี้ตามกฎหมายหมิ่นนั่นจะหมายถึงว่า บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์นั้นอาจจะโดนตั้งข้อหาเสียเองก็ได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีความโปร่งใส ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ และผู้พิพากษาได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายที่คล้ายๆกับกฎหมายหมิ่นนั่นคือกฎหมายการขัดขืนคำสั่งของศาล ใครก็ตามที่วิจารณ์คำวินิจฉัยของศาลอาจมีสิทธิเข้าคุก

เอาล่ะ อะไรที่ทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันต่อต้านทักษิณ ง่ายๆคือพวกนี้กลัวว่าสิทธิพิเศษที่พวกเขาเคยมี สิทธิพิเศษที่ได้รับการคุ้มครอง สิทธิพิเศษของศักดินา ด้วยความจริงที่ว่าพวกนี้มีอำนาจที่ไม่สามารถให้เหตุผลได้ พวกนี้จึงหวาดกลัวว่าสิ่งที่มีอยู่จะถูกท้าทายจากเด็กหน้าใหม่ และเด็กหน้าใหม่ก็คือทักษิณ ชินวัตร

สำหรับทักษิณ ชินวัตร เขาไม่เคยเป็นและไม่ได้เป็นเสรีนิยม ไม่ได้เป็นแม้แต่กระทั่งผู้นิยมระบอบสาธารณรัฐ ทักษิณเป็นพวกนิยมเจ้า แต่สิ่งที่เขามีอยู่ในใจก็คือเขาต้องการทำให้ประเทศไทยทันสมัย

ทักษิณต้องการให้มีการลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศ มันเหมือน ..ผมเกลียดคำนี้เพราะการขึ้นทะเบียนเป็นคำของพวกสังคมนิยมใหม่ อย่างเช่นโทนี่ แบร์ และคนอื่นๆ แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อคิดถึงคนของกษัตริย์มาปกครอง ทักษิณได้เข้ามาด้วยสูตรแห่งชัยชนะ คนจนลงคะแนนเสียงให้เขาอย่างท่วมท้น แล้วทำไมจะไม่ลงคะแนนเสียงให้ล่ะ ก็ในเมื่อรัฐบาลทักษิณเป็นรัฐบาลแรกของประเทศไทยรัฐบาลเดียวที่ตั้งโครงการประกันสุขภาพสำหรับคนทั่วไป แต่พวกคนชั้นกลางหลายๆคนในประเทศไทยที่ผมได้คุยด้วยคิดว่าโครงการนี้มันเป็นขยะ พวกเขาคิดว่าใครจะต้องการโครงการขยะแบบนั้น คนที่พูดพวกนี้ไม่เคยเป็นห่วงพ่อแม่ลูกชายลูกสาวของตัวเองถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา คนเหล่านี้ไม่เคยต้องห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล พวกนี้ไม่เข้าใจถึงนโยบายประกันสุขภาพนี้ และยังมีนโยบายอีกหลายอย่างที่ช่วยคนจน นโยบายเหล่านี้ทำให้มีชีวิตพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

ฉะนั้นเมื่อเวลาคนเหล่านี้หลงใหลในทักษิณซึ่งผมไม่เคยเป็นอย่างนั้น และคนเสื้อแดงได้หลงใหลในทักษิณเช่นกัน คุณจึงต้องเข้าใจว่าการคลั่งไคล้นั้นมันมีเหตุมีผล ถ้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมีนโยบายประกันสุขภาพแบบนี้ มีกองทุนหมู่บ้านเพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น คุณก็ควรเข้าใจว่าทำไมเขาจึงได้สนับสนุนรัฐบาลแบบนั้น

ระบบกษัตริย์ที่ล้มเหลว และเสื้อแดงคือประชาสังคมใหม่

ตอนนี้ ผมคิดว่าคุณต้องถามว่าใครเป็นผู้บงการจริงๆในประเทศไทย เพราะในวันนี้ถ้าคุณถามคนธรรมดาๆ คนที่ลงคะแนนเสียงให้ทักษิณ พวกเขาก็จะบอกคุณว่าตอนนี้เรื่องมีแต่เลวร้ายลง พวกเขาจะบอกคุณถึงเรื่องการถูกบังคับและจะจบด้วยคำพูดว่า “เราทุกคนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง” สิ่งที่พวกเขาพูดหมายถึงพวกเขาเชื่อว่ากษัตริย์อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาเชื่อว่ากษัตริย์ได้จัดให้มีการทำรัฐประหาร พวกเขาเชื่อว่ากษัตริย์เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในทุกที่ และถ้าคุณพูดกับพันธมิตร ถ้าคุณพูดกับคนในกองทัพ และพูดกับพวกศักดินารุ่นเก่า พวกเขาก็จะตอบในทำนองเดียวกันว่ากษัตริย์มีอำนาจเหนืออื่นใด ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่ออย่างนั้นหรือไม่ก็ตาม

สำหรับประเทศไทยในเวลานี้ ถ้าคุณเป็นคนที่อยู่ในอังกฤษหรือยุโรปคุณอาจมองเห็นเป็นเรื่องแปลก แต่ในประเทศไทยมันเป็นการยากที่จะรู้ว่าเรามีระบอบกษัตริย์อย่างศักดินา หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชภายใต้ระบบทุนนิยม หรือระบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญภายใต้การเป็นประชาธิปไตย เพราะมุมมองหลักของระบอบกษัตริย์ในประเทศไทยเป็นการผสมของทุกระบอบ ที่ว่ากษัตริย์มีสิทธิแบบศักดินา เมื่อท่านและเจ้าฟ้าชายหรือราชวงศ์คนอื่นๆต้องเดินทาง การจราจรจะต้องหยุด ซึ่งการจราจรในประเทศไทยไม่เคยหยุดให้รถพยาบาล ไม่เคยเลย แต่จะหยุดเมื่อราชวงศ์เดินทาง และการจราจรในกรุงเทพก็ติดมาก ดังนั้นเราจึงอยู่ในสถานะที่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วระบอบกษัตริย์ที่พวกเขามีเป็นแบบไหน และมีบุคคล 1 คนที่ถามคำถามนี้ “จริงๆแล้วเรามีระบอบกษัตริย์แบบไหน” เพราะในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่าเรามีระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ผู้ชายคนนี้ “จักรภพ เพ็ญแข” ได้ถามคำถามนี้ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (Foreign Correspondence Club) เดาซิว่าเกิดอะไรขี้น จักรภพถูกตบหน้าด้วยข้อหาหมิ่นเพียงแค่ถามคำถามเพียง 1 คำถาม

ในหนังสือของผม ผมได้ถามคำถามว่า “ทำไมกษัตริย์ไม่ปกป้องประชาธิปไตย ท่านเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ท่านควรปกป้องรัฐธรรมนูญ ท่านควรหยุดกองทัพจากการทำรัฐประหาร ทำไมท่านไม่ทำล่ะ ทำไมตอนนั้นกษัตริย์ตรัสว่าท่านไม่มีอำนาจจะปลดทักษิณได้ เพราะมีคนหลายคนได้ร้องขอให้กษัตริย์ปลดทักษิณ ท่านตรัสว่า “ท่านไม่สามารถกระทำแบบนั้นได้” แล้วทำไมมีการทำรัฐประหาร ทำไมท่านทำได้ทำไมท่านสนับสนุนรัฐประหาร ท่านสนับสนุนการทำรัฐประหารโดยทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่มาจากคณะรัฐประหาร ท่านได้ยกย่องนายก หลายๆคนได้กล่าวว่านายกรัฐมนตรีสุรยุทธิ์ จุลานนท์ เป็นคนดี

นายกสุรยุทธิ์ จุลานนท์ คนนี้นี่แหละที่ในปี 2535 ที่มีเหตุการณ์การประท้วงต่อต้านกองทัพที่ใจกลางกรุงเทพ เขาได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพ เขาได้นำกองทหารไปยังโรงแรมรอยัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้เป็นโรงพยาบาลภาคสนามเนื่องจากทหารได้ทำการยิงประชาชนและผู้ประท้วงบนท้องถนน สรยุทธิ์ได้นำทหารเข้าไปในโรงแรมนี้และพวกเขาได้เตะและเดินบนร่างของประชาชนที่นอนเกลื่อนบนพื้นของโรงพยาบาลภาคสนามนั้น นี่คือคนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากการทำรัฐประหารในปี 2549 นี่คือคนที่ทุกๆคนได้กล่าวว่าเขาเป็นบุคคลที่มีศีลธรรม นี่คือคนที่กษัตริย์ได้ปกป้องและยกย่อง

เอาล่ะ แล้วเกี่ยวกับกษัตริย์เป็นอย่างไร

(เวลา 3:50 – 6:15 – ใจได้พูดถึงกษัตริย์ภูมิพล และเจ้าฟ้าชายและพระมเหสีองค์ปัจจุบัน)

…………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………….

ตอนนี้ผมคิดว่าหัวข้อเรื่องใครจะครองราชย์ต่อเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ผมคิดว่าเรื่องอื่นคือบุคคลที่ใกล้ชิดวัง บุคคลซึ่งมีอำนาจโดยแท้จริง กองทัพ ข้าราชการหัวโบราณ เป็นต้น พวกนี้ได้อ้างถึงความชอบธรรมจากในวังเมื่อไม่สามารถอ้างเรื่องความชอบธรรมจากความเป็นประชาธิปไตย เพราะพวกนี้ไม่เคยเชื่อในเรื่องประชาธิปไตย ดังนั้นพวกนี้จึงกลัวหัวหดที่ว่าความชอบธรรมนี้จะหมดสิ้นไปเมื่อกษัตริย์องค์ปัจจุบันได้สิ้นพระชนม์ลง และดังนั้นนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาต้องมีการกำจัดคนโดยใช้กฎหมายหมิ่น

ตอนนี้ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องพูดถึงเรื่องรัฐสวัสดิการในประเทศไทยอย่างจริงจัง เรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และการเป็นสาธารณรัฐ และนี่คือทำไมผมได้โพสต์ “”แถลงการณ์แดงสยาม สยามแดง และแถลงการณ์แดงสยามทั้งหมด” คุณสามารถอ่านได้จากเว็บไซต์ของผม และผมได้ก็อปปี้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชิญคุณหยิบไปอ่านได้

ผมคิดว่านี่ได้เวลาแล้วที่เราจะต้องพูดเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากและผมคิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาสังคมใหม่กำลังเติบโตขี้น เพราะเสื้อแดงได้รวมกลุ่มกันเองเพื่อต่อต้านพวกคลั่งเจ้า

นี่คือภาพเสื้อแดง บุคคลเหล่านี้ได้มีความคิดขัดแย้งในตัวเอง หลายคนรักทักษิณ แต่บางคนได้เริ่มกลุ่มจากการก่อตั้งของนักการเมืองพรรคไทยรักไทยแต่พวกเขาได้มีเป้าหมายเกินกว่านั้นไปแล้ว พวกเขาได้เคลื่อนไหวโดยมีการรวมตัวจากบุคคลที่มาจากหลายๆจังหวัด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเสื้อแดงถึงได้มีการชุมนุมกัน คุณจะเห็นว่านี่เป็น “การเกิดใหม่ของประชาสังคม”

แล้วประชาสังคมเก่าล่ะเป็นอย่างไร เอ็นจีโอเป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวของพวกสังคมนิยมเป็นอย่างไร เอาล่ะ ผมเสียใจที่จะพูดว่าพวกนี้หมดสิ้นแล้วในการปกป้องประชาธิปไตย เพราะการวิ่งเต้นทางการเมืองของพวกเขา เพราะจากความจริงที่ว่าพวกนี้ได้หันหลังให้กับนักวิเคราะห์ทางการเมือง เพราะพวกเขาทั้งหมดได้มองหาพันธมิตรจากบุคคลที่มีอำนาจและพวกนี้ทั้งหมดได้ห้อยท้ายตามหลังพวกพันธมิตร และผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เรากำลังเห็นที่นี่ ซึ่งเสื้อแดงเป็นความหวังจริงๆสำหรับประชาธิปไตยของไทย

แต่ไม่มีอะไรได้มาอย่างอัตโนมัติ และขี้นอยู่กับว่าพวกเขาเตรียมตัวที่จะจัดตั้งกลุ่มของตัวเองหรือไม่ พวกเขาเตรียมการพัฒนานโยบายของเขาหรือไม่ พวกเขาได้เตรียมที่จะเปิดใจกับความคิดใหม่ที่เท่าเทียมกันได้หรือไม่ พวกเขาเตรียมตัวที่จะเคารพสิทธิของเกย์และเลสเบียนได้หรือไม่ พวกเขาเตรียมตัวที่จะรณรงค์เพื่อสิทธิในการทำแท้งได้หรือไม่ พวกเขาเตรียมตัวที่จะปกป้องสิทธิของคนงานอพยพได้หรือไม่

เหล่านี้จะเป็นหัวใจที่ว่าเสื้อแดงจะสามารถพัฒนาการเคลื่อนไหวไปอย่างก้าวหน้าในประเทศไทย

ผมจะลาจากด้วยภาพของการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร

นั่นคือภาพของเสื้อเหลืองที่เห็นด้วยกับรัฐประหาร

สวัสดี (ตบมือ)

แปลและเรียบเรียง – chapter 11
ที่มา – soasmedia

27 ความเห็น leave one →
  1. chapter 11 permalink
    วันพฤหัสบดี 26 กุมภาพันธ์ 2009 22:27 น.

    สำหรับภาค 1 กำลังแปล ผู้อ่านคงจะได้อ่านวันนี้

    สำหรับภาค 2-4 ถ้าท่านใดมีทรานสคริป หรือ มีเวลาช่วยค้นหาทรานสคริป ก็จะทำให้การแปลเร็วขี้นค่ะ

  2. REAL PHD permalink
    วันพฤหัสบดี 26 กุมภาพันธ์ 2009 22:27 น.

    You’re so dumb

  3. Pataraphong permalink
    วันศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 2009 01:55 น.

    As a centre-left and yet a moderate/rational royalist, I detest the PAD in every way. Unfortunately, I have also lost love and respect for the Lady who supports this brainwashed mob—of which many of its members sadly claim to be intellectual superior to their red-shirt counterparts.

    This is a living proof that regardless of who we are or how privileged our births maybe, we’re all subject to one of the most fundamental human flaws: fear. Fear is the most potent ingredient for delusion and paranoia which lead to irrationality and wrong, wrong and wrong decisions!

    Given the far-left rendition of the issues around lese majeste, I kind of know what Ajarn Giles was getting at. Nonetheless, I find his words in the final clip a bit harsh and disturbing. I personally believe that constitutional monarchy can work in modern Thailand as long as there’s no extraconstitutional intervention from the High Place and from the conservative elites—old and young—who seem to reap benefits and privileges from the institution by sucking up to certain powerful individuals or cliques.

    The leadership issue is also important. If the Son is not revered, why not the Daugther? In my opinion, she is the best person to reign supreme. Over decades, she has learned a great deal of wisdoms from her father. The people love and respect her. It is in my belief that the Daughter will be one of the greatest monarchs ever.

  4. แฟนคลับของคุณ permalink
    วันศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 2009 21:58 น.

    รออ่านอยู่นะ ให้กำลังใจ สู้ๆๆ 🙂

  5. วันเสาร์ 28 กุมภาพันธ์ 2009 00:34 น.

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล จะรออ่านต่อนะคะ ^ ^

  6. gujomza permalink
    วันเสาร์ 28 กุมภาพันธ์ 2009 03:11 น.

    มันคือความจริงแท้ๆ รัฐบาลลูกโซ่

  7. วันเสาร์ 28 กุมภาพันธ์ 2009 22:53 น.

    กลัวตาย ไม่กล้า

  8. HBP Extreme permalink
    วันจันทร์ 2 มีนาคม 2009 12:14 น.

    เลวเอ้ย มีการหนีไปหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ต่างประเทศอีก ชัดเจนเลยนะพวกเสื้อแดง

    • วันอาทิตย์ 25 เมษายน 2010 18:32 น.

      โถ เดือนร้อนแทนคุณพ่อ

      • มอนเต permalink
        วันอาทิตย์ 25 เมษายน 2010 19:05 น.

        เดือดร้อนซิครับ ลองถ้ามีใครเอา โครตพ่อ โคตรแม่ พวกคุณมาวิจารณ์ ในทางเสียๆหายๆ คุณคงไม่รู้สึกเดือดร้อนใช่ไหมครับ นั่นเป็นเพราะคุณ ไม่มีความสำนึกในบุญคุณ งัยครับ..รู้สึกสังเวศแทน โครตพ่อ โคตรแม่ พวกคุณจริง ไม่รู้ทำกันอีท่าไหน ลูกถึงได้ออกมาเนรคุณ เลว ได้สุดๆ….

  9. kobdesign permalink
    วันจันทร์ 2 มีนาคม 2009 23:10 น.

    ให้กำลังใจ อ.เสมอครับ

    อย่าสนใจเสียงหมูเสียงหมาแถวนี้เลยครับ เพื่อชาติ เพื่อประชาธิปไตยครับ

  10. bunzgibber permalink
    วันพุธ 4 มีนาคม 2009 07:56 น.

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ

  11. Kookai permalink
    วันพฤหัสบดี 5 มีนาคม 2009 14:01 น.

    ความจริง ที่คนในเมืองไทย พูดไม่ได้

    มันตลกสิ้นดี

  12. ภูเบศ permalink
    วันอาทิตย์ 8 มีนาคม 2009 12:22 น.

    ผมเป็นคนจุฬาคนนึง ผมเคยเห็นอาจารย์ใจหลายครั้งที่มหาวิทยาลัย เคยฟัง และรับสารจากท่าน ผมยกมือไหว้ท่านทุกครั้ง ท่านอาจจะคิดว่าท่านหัวก้าวหน้ากว่าใคร นิยมประชาธิปไตยมากกว่าคนอื่น บางเรื่องท่านก็พูดถูกผมขอชมเชย แต่บางเรื่องมันก็ชัดเจนเหลือเกินว่าท่านพูดเพื่อใคร??? ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่มุมมอง แต่พูดตรงๆ ผมเสียใจเหลือเกินที่รัฐศาสตร์จุฬาเคยรับท่านนี้มาเป็นอาจารย์ ชัดว่าหน้าท่านคล้ายกับเป็นฝรั่ง ที่ชัดยิ่งกว่าคือใจท่านไม่ใช่คนไทย ผมดีใจที่อาจารย์ใจได้กลับไปปาฐกถาที่ที่ท่านร่ำเรียนมา และก็จะดีใจมากถ้าท่านช่วยทำตัวเป็นคนอังกฤษ อยู่ในที่ที่ท่านพอใจ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเมืองไทยอีก

    ผมรักอาจารย์ป๋วย ผู้ทำคุณูปการให้กับแผ่นดินเกิด นั่นคือชาติไทยอย่างมหาศาล ท่านเป็นยอดชายวีรบุรุษแท้จริง เช่นเดียวกับคนไทยทั้งหลาย คงรักท่านเช่นเดียวกับผม

    แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรจะจดจำลูกชายของอาจารย์ป๋วยคนนี้ยังไงดี??

  13. รักเธอประเทศไทย permalink
    วันเสาร์ 14 มีนาคม 2009 23:41 น.

    ทำไมใจรายกับประเทศไทยอย่างนี้ เสียดายความรู้ที่ร่ำเรียนมา จะอ้างเหตุผลก็ไม่มีที่มาที่ไปจะให้เชือได้อย่างไรว่าเป็นความจริง (ไม่มีข้อมูลอ้างอิงพูดขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐาน)

    จากนักเรียนนอกที่รักประเทศไทย

  14. ผู้คิดดีต่อประเทศไทย permalink
    วันเสาร์ 14 มีนาคม 2009 23:55 น.

    เมื่อกล่าวถึงเศรษฐกิจพอเพียงฟังดูแล้ว ท่านอาจารย์มีทษฏีใดมาโต้แย้งบ้าง ก็ไม่มีมีแต่คำเสียดสีทั้งนั้น ผมดูแล้วคนวิจารณ์ยังไม่เข้าใจในปรัชญาเศษฐกิจพอเพียงเลย แล้วมาวิจารณ์ได้อย่างไร ต้องกลับไปอ่านหลาย ๆ รอบว่าจุดประสงค์เพื่ออะไร มีภูมิคุ้มกันเพื่ออะไร ไม่ใช่วิจารณ์มั่วไปหมด เอามารวมทั้งปรัชญา การเมือง รัฐประหาร อ่านแล้วมีเป้าหมายอยางเดียวคือ…………. แล้วจะเรียนว่าท่านอาจารย์ได้อย่างไร

  15. วันอังคาร 17 มีนาคม 2009 10:08 น.

    ก็คนอย่าง ไอ้ ใจรัญ จัญไร อย่างมันก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ รู. ไปวันหน้ามันมีแต่…. สันขวานเอ๊ยมันป็นไอ้พวก หมากัดหนัง อ่ะ ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงอยากจะเป็นโน่นเป็นนี่ อีกา เอ็ย

  16. Ideal permalink
    วันอังคาร 24 มีนาคม 2009 08:47 น.

    Ji, I support you!!!!

  17. phatrasamon rattanangkun permalink
    วันพุธ 1 เมษายน 2009 16:29 น.

    อาจารย์ใจคะ ตีแผ่ความจริงต่อไปค่ะ ดิฉันสนับสนุน ความคิดที่มั่นคงต่อการเป็น

    ประชาธิปไตยที่มีตัวตนอย่างท่าน หาได้ยากในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ

    คนที่ตัดสินอะไรๆ โดยไม่ได้มีการศึกษาประวัติศาสตร์ข้อมูลเชิงลึกกันเลย เชื่อ

    ตามยึดตามกับแค่สิ่งที่เห็นหรือได้ยินกันมา ดิฉันมองว่าสมองมีไว้วิเคราะห์เพื่อ

    ความก้าวหน้าและเติบโตไม่ว่าจะปัจเจกบุคคลหรือสังคม

    ฉะนั้นสิ่งที่อาจารย์กระทำอยู่ คนที่พอทราบข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์การเมืองเชิง

    ลึกค่ะ จะสนับสนุนและที่สำคัญ อาจารย์กระทำอยู่บนการเรียกร้องประชาธิปไตย

    แก่ประเทศไทยอย่างแท้จริงค่ะ แม้ว่าจะความจริงจะกระเด็นไปโดนใครให้เจ็บปวด

    บ้าง ดิฉันมองว่าพวกเค้าเหล่านั้นต้องยอมรับให้ได้ค่ะ กระทั่งจะตะแบงสู้แบบนอก

    ประชาธิปไตยมาบ้าง แต่กระนั้นประจักษ์พยานแห่งสายตาของคนทั้งโลกที่เข้าใจ

    คำว่า “ประชาธิปไตย” เค้ารู้ดีค่ะ———-วัวใครเข้าคอกคนนั้น คุณหนีไม่พ้นค่ะ

    สำหรับผลของการกระทำแห่งการ “ปล้นประชาธิปไตย” ของพวกคุณ!!!

    Give you power and inspiration ka aj.

    phatrasamon rattanangkun

  18. นศ. permalink
    วันเสาร์ 4 เมษายน 2009 17:05 น.

    นับว่าเป็นบทความนึงที่น่าอ่าน

    แต่ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ

    สำหรับผม มองไปในมุมที่ใกล้เคียงกับคุณเช่นกัน

    แต่ผมยังคิดว่า เราไม่อาจรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นในวัง ว่าอำนาจไปตกอยู่ที่ใครครับ จึงไม่ควรกล่าวอ้างโดยไม่มีมูล

    แต่บางคนที่เรารู้อยู่แล้ว อย่างเช่นเรื่องคลิป คดีน้องโบว์ หรือคดีอื่น ๆที่เรารู้อยู่แล้ว ทำให้ผมหมดศรัทธาไปเช่นกัน

    ส่วนท่านอื่น no comment

    ปล ผมรักประชาธิปไตย ตอนนี้สีชมพู(ขาวเอียงแดง) รักกษัตริย์ไทยองค์นี้ และคิดว่าประชาธิปไตยจำเป็นมากในประเทศไทยตอนนี้เช่นกัน

  19. Jackies permalink
    วันอาทิตย์ 5 เมษายน 2009 06:06 น.

    ผมเห็นด้วยกับ อ.ใจทุกประการ ยกเว้น การพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ จะถึงอย่างไร พระองค์ท่านก็ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในทศพิธราชธรรม และสร้างความเจริญให้แก่ประเทศชาติบ้านเมืองไม่น้อยไปกว่ากษัตริย์ไทยในอดีต ไม่ควรอย่างยิ่งที่ อ.ใจจะเอาเรื่องของพระองค์ไปพูดให้คนอื่นที่ไม่ใช่ชาวไทยฟัง แต่ในเรื่องของประชาธิปไตยนั้นผมเห็นด้วย ว่ามีคนกำลังแอบอ้างเอากษัตริย์มาบังหน้า มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง และที่อดีตนายกทักษิณก็ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยมากจริง ถึงแม้จะมีการคดโกง (ซึ่งก็ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนไม่โกง) แต่อย่างน้อยประเทศไทยก็ใช้หนี้จนหมด มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ จนญี่ปุ่น กับสิงคโปร์ต้องหันมามอง ประชาชนก็มีรถไฟฟ้าใช้ มีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค มีโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งไม่เคยหาได้จากรัฐบาลใด ๆ ก่อนหน้านี้ (และรัฐบาลปัจจุบัน) และผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ อ.ใจ ตีแผ่ความจริง ทักษิณตีแผ่ความจริง (ซึ่งถ้าหากไม่จริงท่านจะได้รับผลกรรมนั้นเอง) เพราะประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้ ต้องก้าวไปบนพื้นฐานของความจริง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็สมานฉันท์ ปรองดอง สันติวิธีตลอดเวลา

  20. วันจันทร์ 13 เมษายน 2009 20:30 น.

    ข้อความบางส่วนจากบทความ:

    http://patriotbkk.hroyy.com/2009/01/09/ขบวนการ
    เคลื่อนไหวทางสั/

    ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ใครได้-ใครเสีย!

    ยุคเริ่มแรกฝ่ายขวาในยุโรปมักจะเป็นพวกขุนนางพวกนิยมเจ้า หรือพวกนิยมและรักษาผลประโยชน์ชนชั้นสูง ในขณะที่ฝ่ายซ้ายก็เป็นตรงกันข้ามกล่าวคือนิยมความคิดแบบเสรี หรือหากพูดให้ตรงก็คือสนับสนุนทุนนิยมเสรี (laissezfaire) และตลาดเสรี แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เกิดความคิดสังคมนิยมขึ้นมา พวกฝ่ายซ้ายหันไปนิยมแนวคิดนี้แล้วละทิ้งความคิดทุนนิยมเสรีให้ไปอยู่ฝั่งขวา เพราะในเวลานั้นพวกขุนนางหายไปการพิจารณาทิศทางการเมืองเรื่องซ้าย-ขวาในบริบทของสังคมไทยไม่ง่ายนักเพราะความคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของผู้เล่นไม่ค่อยมั่นคงหรือคงเส้นคงวาส่วนใหญ่แล้วมักจะแปรผันไปตามผลประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะหน้า คนที่เคยเป็นซ้ายย้ายไปอยู่ข้างขวา ส่วนคนที่เคยอยู่ซีกขวาหันไปจับมือกับคนที่เคยเป็นซ้าย นานวันเข้าเราก็แยกแยะไม่ออกว่าใครซ้ายใครขวา ในประเทศอื่นเราอาจจะไม่ค่อยเห็นเรื่องแบบนี้ แต่ในประเทศไทยเป็นสิ่งประหลาดและมันก็เกิดขึ้นแล้วที่อยู่มาวันหนึ่งสมัคร สุนทรเวช นักการเมืองอนุรักษนิยมขวาจัดคนสำคัญ กลายมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่แกนนำสำคัญส่วนหนึ่งเป็นอดีตแนวรวมพรรคคอมมิวนิสต์ และในทำนองเดียวกัน อดีตแนวร่วมคอมมิวนิสต์อีกเหมือนกันที่ไปยืนอยู่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งมีแกนนำสำคัญเป็นพวกนิยมเจ้า ทั้งสองฝ่ายต่างเสนอแนวคิดทางการเมืองที่มีความโน้มเอียงไปทางซ้ายและขวาพอๆ กัน ต่างฝ่ายต่างเลือกใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้ทางการเมืองของทั้งซ้ายและขวามาห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

    ฉะนั้นจะเห็นว่าหากจะถือเอาตัวบุคคลเป็นหลักนั้นค่อนข้างทำยากและสับสนไม่น้อยว่าการเมืองแบบซ้ายและขวาในสังคมไทยว่าเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ขณะเดี่ยวกันหากจับจุดพิจารณากันที่ความคิดทางการเมืองจะทำให้เรามองเห็นได้ชัดเจนมากกว่า โดยในบริบทของสังคมไทยโดยทั่วไปมักจะถือว่า ความคิดอนุรักษนิยมเป็นความคิดทางการเมืองที่อยู่ซีกขวา ความคิดที่ก้าวหน้ากว่านั้นจะอยู่ซีกซ้าย แนวคิดการเมืองแบบอนุรักษนิยมเป็นแนวคิดที่นิยมการรักษาสถานะเดิม (status quo) ดังนั้นจึงมักแอบอิงอยู่กับสถาบันดั้งเดิมเป็นสำคัญ ซึ่งก็คือสถาบันกษัตริย์เป็นแก่นสารทางอุดมการณ์ เพราะสถาบันนี้เป็นสถาบันที่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองการปกครองมานานในสังคมไทยโดยเชื่อมโยงสถาบันกษัตริย์กับสถาบันราชการและกองทัพเข้ามาอยู่ด้วยกัน พวกอนุรักษนิยมจะมองว่าสถาบันหลักเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นหลักให้แก่บ้านเมืองเรื่องชาติก็มักจะถูกผูกโยงเข้ากับสถาบันหลักเหล่านี้ พวกอนุรักษนิยมฝ่ายขวาจึงถือสิทธิว่าพวกตนรักชาติมากกว่าใคร และนิยมเอาลักษณะชาตินิยมในความหมายแคบๆ มาเป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพื่อต่อต้านฝ่ายตรงข้ามด้วย และที่เป็นที่นิยมยอดฮิตใช้มากทุกยุคทุกสมัยคือ การกล่าวหาคนที่ไม่คล้อยตามพวกเขาในทางการเมืองว่าเป็นพวกไม่จงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ ไม่รักชาติ หรือถ้าถึงที่สุดแล้วในหลายกรณีพวกเขาจะพูดว่า พวกที่อยู่ตรงกันข้ามกับเขาไม่ใช่คนไทย

    พวกอนุรักษนิยมไม่สู้จะไว้วางใจสถาบันการเมืองของประชาชนเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาในรูปของพรรคการเมือง เพราะเห็นว่าสถาบันการเมืองของประชาชนมักต้องการอำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องและความคิดทางเศรษฐกิจของอนุรักษนิยมไทยไม่ใช่ความคิดที่นิยมเศรษฐกิจเสรี พวกเขาชื่นชมเศรษฐกิจที่กระจุกตัวอยู่กับกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่มที่เติบโตมากับราชการและรัฐวิสาหกิจ มากกว่าจะส่งเสริมเศรษฐกิจเสรีแบบสุดขั้วที่เปิดให้คนหลากกลุ่ม (แม้แต่ต่างชาติ) เข้ามามีส่วนร่วมกันอย่างกว้างขวาง การต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อรักษากิจการของรัฐ (หรือที่พวกเขาเรียกว่าสมบัติของชาติ) เหล่านี้ให้อยู่ในมือราชการหรือการบริหารของราชการต่อไปจึงฟังดูเป็นเหตุผลของพวกอนุรักษนิยมมากกว่าจะเป็นเหตุผลของฝ่ายก้าวหน้าที่เคยต่อต้านทุนนิยมในยุคที่กระแสสังคมนิยมขึ้นสูงนั่นเอง Read more…

    http://patriotbkk.hroyy.com/2009/01/09/ขบวนการเคลื่อนไหวทางสั/

  21. วันจันทร์ 21 ธันวาคม 2009 21:34 น.

    อะไรกันนักหนาคนจนจะตายอยู่เเล้ว

  22. บุคคลหวังดี permalink
    วันอังคาร 2 กุมภาพันธ์ 2010 15:41 น.

    เราพิจารณาเห็นว่าการกล่าวหาดังกล่าวได้เป็นการละเมิด มาตรา 19 และเราร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของไทยให้ยกฟ้องใจ ในประเทศไทยได้มีบุคคลต่างๆถูกกล่าวหาในคดีของกฎหมายหมิ่นที่ล้าหลังเพิ่ม จำนวนขี้น ดังนั้นเราขอร้องเรียนต่อรัฐบาลของประเทศไทยให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นอันเป็น กฎหมายอาญานี้เสีย ซึ่งเป็นกฎหมายที่เข้มงวดต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างชอบธรรม ที่มีต่อราชวงศ์และเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพูด นักเขียนหลายๆคน
    จากคำพูดในประโยคนี้ที่จริงอยู่ที่เรามีสิทะิที่จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจเราตามที่รัฐธรรมกำหนดแต่ลองคิดดูนะครับเราจะวิพากย์วิจารย์สถาบันสูงสุดของพวกเราหรอฝรั่งเขาไม่เข้าใจหรอกครับว่าสถาบันกษัตริย์เป็นที่รักของชนชาวไทยอย่างไรมาร่วมกันทำให้ชาวต่างชาติเขารู้กันดีกว่าครับว่าเรารักและเทิทูลสถาบันอันเป็นที่รักของเราขนาดไหน

  23. noi permalink
    วันศุกร์ 28 พฤษภาคม 2010 15:55 น.

    บทความที่ดีมาก นิซิเหมาะจะนับถือ ต้องกล้าพูด ส่วนจะเชื่อหรือไม่แล้วแต่คนอ่าน ส่วนนักวิชาการเลวที่ไม่กล้าพูด หากพูดก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะถูกใจอำมาตย์ไหม นี้ซิน่าละลายทิ้ง อยู่ไปทำให้ชาติล่มจม เพราะขาดความจริงที่ควรพูด

  24. noi permalink
    วันศุกร์ 28 พฤษภาคม 2010 16:01 น.

    คนมีโอกาสทำผิดพลาด แต่จะดีขึ้นถ้ามีคนเตือน การวิพากย์วิจารย์ถือเป็นเรื่องดีจะได้แก้จุดบกพร่อง ใช้ว่าทำอะไรถูกไปหมด อีกหน่อยเดี่ยวกินขี้ตัวเอง แล้วเข้าใจว่าถูกมันจะยุ่งน่า

  25. รักษ์ในหลวง292 permalink
    วันจันทร์ 8 สิงหาคม 2011 08:12 น.

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน มีพระวรกายและพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง

ใส่ความเห็น