ข้ามไปยังเนื้อหา

รอยเตอร์: ทักษิณและผม

วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010

Thaksin and me
Jun 12, 2010
Andrew Marshall
ที่มา – Reuters
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑

เช่นเดียวกับนักข่าวต่างชาติอีกหลายคน ผลจากการรายงานข่าวเกี่ยวกับวิกฤติการเมืองในประเทศไทย ผมถูกกล่าวหาเป็นประจำว่า ซื่อ งมโข่ง และขาดความสามารถที่จะทำความเข้าใจถึงสถานการณ์อันซับซ้อนได้

แต่ก็ไม่เป็นอะไร แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของผมยังเรียกผมว่าปัญญานิ่มอยู่บ่อยๆ แล้วปกติก็เป็นจริงอย่างนั้นนะ

แต่สื่อต่างชาติกำลังเผชิญกับการถูกกล่าวหาในเรื่องอื่น: ถูกกล่าวหาว่าเราตกเป็นเหยื่อ และถูกล้างสมองจากแผนปฏิบัติการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อบางอย่างที่สร้างความงมงายอย่างได้ผลของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หรือหนักไปกว่านั้น กล่าวหาว่าเรารับเงินจากทักษิณเพื่อเร่ขายเรื่องโกหกใส่ร้ายกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย 

เรื่องนี้ถือว่าเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี ใครที่คิดว่าทักษิณจะมีสิทธิติดสินบนต่อการบริหารบริษัทสื่อต่างชาติในประเทศไทยเพื่อทำการบิดเบือนสถานการณ์ เป็นแน่ชัดว่า ผู้นั้นมีความเข้าใจอันจำกัดว่าอุตสาหกรรมสื่อของโลกทำงานกันอย่างไร และใครที่คิดว่านักข่าวที่เสี่ยงชีวิตเพื่อดำรงหลักการแห่งความยุติธรรม และความซื่อสัตย์จะถูกอดีตมหาเศรษฐีที่กำลังลี้ภัยซื้อตัวได้นั้น เป็นที่แน่ชัดว่า ผู้นั้นมีเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์อยู่อย่างจำกัด

แต่แทนที่จะชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่อง และข้อผิดพลาดที่มีมากมายเมื่อผู้ตั้งตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นโต้เถียงกัน ผมจึงต้องเล่าเรื่องระหว่าง ทักษิณและตัวผม

ผมมากรุงเทพครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๓ ในฐานะผู้ช่วยสำนักงานข่าวรอยเตอร์ ในขณะที่ประเทศไทยกำลังค่อยๆฟื้นตัวจากบาดแผลของวิกฤติฟองสบู่ของเอเชียในปี ๒๕๔๐/๒๕๔๓ และอำนาจทางการเมืองใหม่เพิ่งปรากฏโฉมขึ้นมา – ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยของเขา (ชื่อพรรคการเมืองที่ทักษิณเลือกขึ้นมา โดยเฉพาะในเวลานี้ดูเหมือนเป็นการตั้งเพื่อประชด ในแง่ความแตกแยกที่เต็มไปด้วยความขมขื่น และความเกลียดชัง ซึ่งได้อุบัติขึ้นมาในสังคมไทย)

ผมเป็นผู้ทำข่าวการผงาดในทางการเมืองของทักษิณ คำมั่นในยามหาเสียง และการเลือกตั้งในเดือนมกราคม ๒๕๔๔ ซึ่งไทยรักไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวในประเทศไทยที่กวาดที่นั่งมากที่สุด

ในวันนี้ ทักษิณถูกวาดภาพในประเทศไทยว่าเป็นปีศาจอัจฉริยะ ผู้บงการร่างเงาด้วยทุนทรัพย์อันมหาศาล เป็นเพียงคนเดียวที่เกือบจะลากประเทศเข้าสู่ความหายนะ และความล่มจม แต่เพียงแค่ไม่กี่เดือนแรกที่ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯ เขาได้แตกต่างไปจากตัวแทนที่น่าขบขันเหล่านี้ ห่างไกลเกินกว่าที่จะดูเป็นปีศาจอัจฉริยะ ทักษิณสร้างความประทับใจ แทนที่จะเป็นผู้ที่ไม่มีความฉลาดเอาเสียเลย

มารยาท และความเปิ่นได้สร้างรอยด่างพร้อยให้กับภาพพจน์ของทักษิณ และจากที่แย่ กลายเป็นย่ำแย่อย่างหนักเมื่อสมาชิกวุฒิสภาที่น่าจะประสาทอ้างว่าได้พบขุมทอง และพันธบัตรสหรัฐฯที่ถูกทหารญี่ปุ่นที่หลบหนีนำมาทิ้งไว้ปลายสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยซ่อนไว้ในโบกี้รถไฟแวดล้อมไปด้วยกระดูกของทหารญี่ปุ่น ซึ่งทำฮาราคีรี และหนีลึกลงไปในถ้ำใกล้จังหวัดกาญจนบุรี

ส่วนใหญ่ของประเทศมองการอ้างเหล่านี้ว่าเป็นการแต่งเติมรสชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับทักษิณ ทักษิณตื่นเต้นขนาดถึงกับรีบรุดไปยังถ้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ และต่อมาประกาศว่าเขาจะใช้ดาวเทียมหาตำแหน่งสถานที่ซ่อนขุมทรัพย์นั้น คุณอ่านรายงานข่าวตำนานเรื่องนี้ได้จาก ที่นี่ และ ที่นี่

อะไรที่เป็นประเด็นสำคัญซึ่งแขวนอยู่ในช่วงเดือนต้นๆของรัฐบาลทักษิณ นั่นคือการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ใกล้จะมาถึงว่านายกฯจะถูกห้ามเล่นการเมืองห้าปีหรือไม่ ในข้อหาปิดบังทรัพย์สินบางส่วน นี่เป็นบททดสอบที่ยากลำบากสำหรับประชาธิปไตยของไทย – เป็นเรื่องค่อนข้างแน่ชัดกับใครก็ตามซึ่งว่ากันตามหลักฐานแล้วว่า ทักษิณพยายามปิดบังทรัพย์สินบางส่วนของเขา และทักษิณยังโอนหุ้นจำนวนมหาศาลให้กับคนใช้ และคนขับรถ แต่เขาเพิ่งได้รับชัยชนะจากเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย ศาลต้องการจะห้ามนายกฯซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากมวลชนจำนวนมหาศาลจริงๆหรือ แม้ว่าจะพบว่าเขาได้กระทำผิดในข้อหาที่มีอยู่

นั่นหมายถึงว่า นอกจากคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งที่ทักษิณได้รับมาอย่างถล่มทลายแล้ว เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทักษิณที่จะเลี่ยงความผิดพลาดซึ่งจะทำลายคะแนนนิยม เพราะนั่นจะทำให้ศาลกล้าที่จะตัดสินเอาความผิดกับเขาได้

ผมชี้ให้เห็นจุดนี้จากการวิเคราะห์เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๔:

นายกฯทักษิณ ชินวัตรแห่งประเทศไทยเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่อาจจะต้องถูกเด้งจากตำแหน่งในข้อหาซุกหุ้น ในขณะที่เสียงสนับสนุนจากมหาชนซึ่งเป็นเกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับคดีซุกหุ้นคดีแล้วคดีเล่า

การแก้ต่างในข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. นั้นทักษิณจะต้องเจอศึกสองด้าน – ไม่เพียงต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตกเป็นจำเลยต่อความเห็นของคนทั้งประเทศ

ทักษิณถูกโจมตีจากศึกทั้งสองด้านอย่างรวดเร็ว หัวหน้าแผนกวิจัยของบริษัทนายหน้าต่างชาติในกรุงเทพคนหนึ่งกล่าวว่า “เรื่องหนึ่งที่แน่ๆก็คือ การดื่มน้ำผึ้งพระจันทน์มันหมดไปแล้ว” “บรรยากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

นักวิเคราะห์ยังได้ถกเถียงถึงความผิดพลาดของทักษิณเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงเรื่องแหกตาขุมทรัพย์ของชาวญี่ปุ่น:

เรื่องที่ทำให้ทักษิณเสียเครดิตล่าสุดนี้ จากเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับตำนานกรุสมบัติในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

สมาชิกวุฒิสภาคนกล้ากล่าวว่า ขุมทรัพย์หลายหมื่นล้านดอลลาร์เป็นทั้งทอง และพันธบัตรสหรัฐฯที่กองทัพญี่ปุ่นทิ้งไว้ถูกขุดพบในถ้ำลึกเข้าไปในป่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอ้างเรื่องเช่นนี้ และหนังสือพิมพ์ต่างประโคมข่าวว่าเป็นเรื่องเหลวไหล

แต่ทักษิณถือเอารายงานนี้เป็นจริงเป็นจังพอที่จะบินโดยเฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจถ้ำเมื่อวันศุกร์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนกล่าวว่า การขุดสมบัติขึ้นมาจะมีค่าพอที่จะนำมาชำระหนี้สินของชาติที่มีถึง ๒๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และนำมาช่วยกู้วิกฤติของชาติที่ย่ำแย่เพราะเศรษฐกิจ

ด้วยพาดหัวข่าวที่มีแต่เสียงเย้ยหยัน ต่อมารัฐบาลได้ออกมายอมรับว่าการค้นพบนั้นเกือบจะเป็นข่าวโคมลอย เนชั่นกล่าวว่า ทักษิณตกเป็น “ตัวตลกอินเตอร์”

รุ่งเช้าของวันต่อมา อย่างเคย ผมจับแท๊กซี่ใกล้ที่พักของผมในซอยสมคิดไปยังสำนักงานรอยเตอร์ที่ตึกอื้อจื่อเหลียง ถนนพระราม ๔ คนขับฟังรายการวิทยุคุยกับคนฟังที่โทรเข้ามา ในขณะที่ภาษาไทยของผมในเวลานั้นแค่งูๆปลาๆ เป็นที่แน่ชัดว่าคนฟังที่โทรเข้ารายการกำลังแสดงความโกรธเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่าง ฟังน้ำเสียงดูแล้วน่าจะไม่มีความสุข ไม่มีความสุขแน่ๆ

ผมเริ่มตั้งใจฟังมากขึ้น เมื่อผมได้ยินบางคนพูดถึงรอยเตอร์

ผมยิ่งต้องตั้งใจฟังหนักขึ้นไปอีก เมื่อผมได้ยินบางคนพาดพิงถึง แอนดรูว์ มาร์แชล

และในขณะที่ผมยังไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไร แต่ผมสามารถบอกได้ว่า พวกเขาโทรเข้ารายการวิทยุนี้ต้องไม่พูดอะไรที่ว่าผมเป็นคนที่วิเศษแน่ๆ ผมรู้จักอยู่สองคำคือ “ไม่ดี” – และดูเหมือนคนจะใช้คำนี้กันมาก

ผมถึงสำนักงานรอยเตอร์ แล้วพบว่า พนักงานกำลังหน้าซีดมองพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์มติชน:


ตัวหนังสือกลางหน้าแรก เป็นพาดหัวข่าวว่า “สื่อเทศประโคม “แม้ว” ตลกอินเตอร์”

แม้วเป็นชื่อเล่นของทักษิณ ในกรณีนี้ สื่อเทศหมายถึงผม

และในขณะเดียวกันผมไม่เรียกทักษิณว่าตลกอินเตอร์แน่ๆ ดูเหมือนมติชนจะแปลบทความของผมอย่างค่อนข้างหละหลวม และได้ฉวยเอาคำพูดมาจากเนชั่นว่าทักษิณได้กลายเป็นตัวตลกในสายตานานาชาติ

ในเนื้อข่าวยังคงกล่าวถึงต่อ ซึ่งข่าวเป็นภาษาไทยอ่านได้จากที่นี่

หากข่าวนี้ลงตีพิมพ์ในปี ๒๕๕๓ สื่อไทยส่วนใหญ่คงยกให้ผมเป็นวีรบุรุษ และคงมีคนที่เล่นเฟสบุ๊คจำนวนนับหมื่นร้องเรียกว่า “เราเกลียด แดน รีเวอส์ แต่เรารัก แอนดรูว์ มาร์แชล”

แต่นี่เป็นปี ๒๕๔๔ คนไทยส่วนใหญ่จะสนับสนุนทักษิณ แม้แต่ผู้ซึ่งไม่สนับสนุนเขายังไม่ขำไปด้วย เมื่อรู้ว่านักข่าวต่างชาติจองหองบางคนที่ถูกกล่าวหานั้นมาเรียกนายกฯของเขาว่า เป็นตัวตลก

หัวหน้าของผมกำลังตื่นตระหนก เสียงโทรศัพท์ในห้องข่าวดังขี้นอย่างไม่ขาดสาย รัฐบาลมีหนังสือประณามข่าวของผม ประชาชนเกือบทั้งหมดในราชอาณาจักรไทย ดูเหมือนว่ากำลังโกรธแค้นในตัวผม

ยิ่งเวลาล่วงเลยไป เรื่องยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น ทักษิณถูกตั้งคำถามจากนักข่าวไทยซึ่งต้องการจะรู้ว่า เขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับการที่รอยเตอร์ตั้งฉายานามว่าเป็นตัวตลก เป็นที่รู้กันจนถึงเวลานี้ว่า ทักษิณไม่ใช่เป็นแฟนตัวยงของนักข่าว นอกเสียจากว่านักข่าวจะเห็นด้วยกับเขาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา ทักษิณไม่เชี่ยวชาญในการรับมือกับการวิจารณ์ และเขาเป็นคนขี้หงุดหงิด บุคลิกอุปนิสัยทั้งหมดนี้เป็นการอธิบายอย่างเพียงพอที่ทักษิณแสดงความเห็นอย่างมีสีสรรของทักษิณกับตัวผม ในเวลานั้นทีวีได้นำออกมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในสำนักงานของรอยเตอร์ในกรุงเทพได้นั่งจับจ้องอย่างตาไม่กระพริบ ผู้ร่วมงานคนไทยของผมช่วยคอยตามเก็บความเห็นของทักษิณ และแปลให้ผม: “ทักษิณเพิ่งพูดว่า แอนดรูว์ มาร์แชลเป็นนักข่าวที่ขาดจรรยาบรรณ…เขาพูดอีกว่า หากเขามีเวลา เขาจะบุกไปรอยเตอร์แล้วอัดผม…เขาพูดต่อว่า สื่อต่างชาติสมรู้ร่วมคิดต่อต้านทักษิณ และคุณ แอนดรูว์ มาร์แชล ร่วมอยู่ในนั้นด้วย….”

วันรุ่งขึ้น เรื่องนี้ยังคงประโคมเป็นข่าวใหญ่ทั้งในทีวี และพาดหัวหน้าแรกหนังสือพิมพ์ นี่เป็นข่าวพาดหัวจากแนวหน้าเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน


หัวข้อข่าวกล่าวว่า “ทักษิณฉุนถูกสะกิดแผล ขู่ทุบสำนักข่าวรอยเตอร์”

ผมอาจเป็นนักข่าวคนแรกที่ได้รับเกียรติอย่างชวนให้น่าแคลงใจ ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวไทย หรือนักข่าวต่างชาติต่างถูกทักษิณเลือกมาวิจารณ์เป็นคนๆไปต่อหน้าสาธารณะ และจนถึงเวลานี้เราทราบกันแล้วว่า ผมไม่ใช่เป็นคนสุดท้าย

ทักษิณไม่เคยมาจัดการผม แต่ในหลายปีต่อมา รายงานข่าวของผมยิ่งสร้างความรำคาญให้ทักษิณหลายต่อหลายครั้ง ผมเสนอข่าวทักษิณถูกศาลรัฐธรรมนูญยกฟ้องอย่างเหลือเชื่อ หลังจากผู้พิพากษาสองคนเปลี่ยนคำตัดสินในนาทีสุดท้าย โดยอ้างว่าได้รับความกดดันจากผู้มีอำนาจ ผมเสนอข่าวการคุกคามสื่ออย่างต่อเนื่อง ทั้งสื่อไทย และสื่อสากล เมื่อพวกเขาถูกโจมตีอย่างหนัก ผมรายงานข่าวความเสื่อมอย่างยิ่งในระบบการตรวจสอบ และการถ่วงดุลอำนาจที่ประเทศไทยนำมาใช้เพื่อป้องกันการใช้อำนาจในทางผิด หากต่างคนต่างทำ ย่อมจะถูกทำลาย และพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ผมเห็นกบฏมุสลิมภาคใต้ของไทยขยายตัวอย่างมั่นคง จนยากที่จะควบคุมหลังจากนโยบายที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ผมรายงานการที่ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายย่อยถูกกระทำวิสามัญฆาตกรรม ในขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่ที่มีอำนาจยังคงสาวไปไม่ถึงตัว ผมนั่งมองการทุจริตที่เฟื่องฟู

ในปลายปี ๒๕๔๕ สงครามในตะวันออกกลางดูจะเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ ผมถูกส่งตัวไปทำข่าวที่คูเวตในขณะที่สหรัฐฯกำลังเตรียมพร้อมที่จะบุกอิรัก หลังจากซัดดัม ฮุสเซนถูกกองทัพสหรัฐฯโค่นอำนาจลง ผมได้รับตำแหน่งหัวหน้าสำนักข่าวรอยเตอร์ในแบกแดด ผมอยู่ที่นั่นสองปีในขณะที่ประเทศเคลื่อนเข้าสู่ภาวะนองเลือด และการจลาจล ชีวิตนักข่าวตกอยู่ในสภาพที่ต้องเสี่ยงตายมากขึ้น ข่าวของเราโดนทั้งถูกประณาม และถูกโจมตีเสมอ ส่วนใหญ่จากเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯซึ่งยืนยันว่าการฟื้นฟูอิรักกำลังดำเนินไปด้วยดี และเป็นผู้ที่ไม่พอใจกับความจริงที่เราเสนอให้เห็นความรุนแรงอย่างน่าสะเทือนใจในการทำลายล้างประเทศ และในช่วงปีแรกๆของการยึดอิรัก ลักษณะการทำงานอย่างมือไม่ถึงที่น่าใจหาย และมีการทุจริต

บางครั้งจะเกิดความเครียดจากการเป็นหัวหน้าสำนักงานของรอยเตอร์ที่ต้องเข้าไปทำข่าวอยู่ใน “พื้นที่สีแดง” กลางเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความหฤโหด ต้องเผชิญกับความกดดันขนาดหนัก และยังถูกระแวงจากผู้เชี่ยวชาญในห้องแอร์ห่างออกไปนับพันๆไมล์ซึ่งคอยกล่าวหาเราเป็นประจำว่าบิดเบือน และขาดสำนึก แต่ผมเรียนรู้ว่า การทำข่าวที่ถูกต้องย่อมขัดกับผู้มีอิทธิพลอันทรงอำนาจในทุกที่ และเป็นปกติที่จะสร้างความโกรธ และการถูกวิจารณ์ การตอบโต้เพียงสิ่งเดียวที่ทำได้ คือการทำงานของคุณให้ดีที่สุด รักษาเกียรติ และหลักการของคุณ และยืนหยัดในเรื่องที่คุณเสนอ


ทุกสองเดือนหรือประมาณนั้นที่ผมได้พักจากแบกแดด และผมจะกลับมาใช้เวลาในประเทศไทยเสมอ เพื่อนสนิทที่สุดของผมบางคนในโลกนี้อยู่ที่นี่ และในเวลานั้น ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ผมจะพัก และผ่อนคลายความเครียด และความน่ากลัวจากอิรัก ยังคงเป็นความรู้สึกเหมือนสวรรค์บนดินในสมัยนั้น ผมต้องเป็นพยานกับการก่อตัวแห่งพายุของความแตกแยกทางสังคม และทางการเมืองในประเทศไทย และการอุบัติของการเคลื่อนไหวของ “เสื้อเหลือง” และการทำรัฐประหารอย่างไม่เสียเลือดเนื้อขับไล่ทักษิณ และล้มเหลวที่จะสมานแผลของประเทศ

ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ ผมกลับมาประจำที่เอเชีย ตำแหน่งหัวหน้านักข่าวรอยเตอร์ด้านความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งกำลังสั่นสะเทือนไปทั้งทวีป จากอัฟกานิสถานด้านตะวันตก ไปถึงญี่ปุ่น ยันออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ซึกตะวันออก สำหรับทุกประเทศในเอเชีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประเทศหนึ่งซึ่งเข้าขั้นเสื่อมจนตกเหวมากที่สุดในหลายปีที่ผ่านมาคือ ประเทศไทย

ครั้งหนึ่งเคยบูมถึงขนาดเป็นหนึ่งในกลุ่ม “เสือแห่งเอเชีย” ของภูมิภาค เศรษฐกิจกำลังไปได้ด้วยดี แม้จะมีความวุ่นวายทางการเมือง – ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจส่งออกมากที่สุดในเอเชียรองจากฮ่องกง และสิงคโปร์ ถูกกระตุ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภูมิภาคกำลังฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก สำหรับในระยะยาวแล้ว ความเสียหายยังคงเต็มไปด้วยความรุนแรง นักท่องเที่ยวจำนวนมากมีความหวาดกลัว และที่หนักมากไปกว่านั้น บริษัทระหว่างประเทศของต่างชาติได้ขีดฆ่าประเทศไทยออกจากประเทศที่จะลงทุนในโครงการใหม่ การเมืองในไทยค่อนข้างวุ่นวายเป็นประจำ แต่จนไม่นานมานี้ นักลงทุนซึ่งต่างเคยคิดว่าเป็นการปลอดภัยหากทำเพิกเฉยกับประเทศซึ่งมีการก่อรัฐประหารเป็นระยะ และมีความวุ่นวาย ซึ่งพวกเขารู้ซึ้งดีว่าไม่สามารถมองข้ามขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยไปได้ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว

วิกฤติครั้งนี้ต่างไปกว่าทุกครั้ง การปิดสนามบินจนกลายเป็นอัมพาตของ “เสื้อเหลือง” ในปี ๒๕๕๑ และการที่ผู้ประท้วง “เสื้อแดง” ยึดใจกลางกรุงเทพในปีนี้ ซึ่งจบลงด้วยโศกนาฏกรรมอันใหญ่หลวงแห่งเดือนเมษายน และพฤษภาคม เมื่อคนไทยต่างฆ่าคนไทยด้วยกันเองบนท้องถนนกลางเมืองหลวงอันสวยงามของพวกเขาเอง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย ๘๘ ศพ รวมถึง ฮิโระ มูราโมโตะ นักข่าวชาวญี่ปุ่นของรอยเตอร์ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานของผม ถูกสังหารในขณะที่กำลังบันทึกเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ประท้วง และทหารในวันที่ ๑๐ เมษายน

เกือบจะเป็นที่แน่ใจว่า จะต้องเกิดการสูญเสียชีวิตมากไปกว่านี้ในประเทศไทยอีกแน่ หากวิกฤติครั้งนี้ไม่ได้รับการแก้ไข

ทุกอย่างที่ตกค้างนี้เป็นประเด็นที่ทุกคนทราบดี แต่ไม่มีใครกล้าพูดในที่สาธารณะได้ กษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดชซึ่งเป็นที่เคารพอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ทรงชราภาพ และทรงอ่อนแอ และว่าที่องค์รัชทายาทมิได้ทรงเป็นศูนย์รวมใจเทียบเท่ากับพระบิดา และการที่พระบรมวงศานุวงศ์ของกษัตริย์บางพระองค์ และองคมนตรีบางคนแสดงการเข้าข้างอย่างเห็นได้ชัดในวิกฤติการเมืองในเวลานี้ ทำให้อนาคตแห่งระบบกษัตริย์ของประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาพอันตราย

เป็นเรื่องสะท้อนใจที่ต้องนั่งมองประเทศไทยถอยหลังลงคลอง แต่เป็นเรื่องเศร้ายิ่งกว่าสำหรับคนไทยผู้ซึ่งภูมิใจประเทศของตัวเองต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้

แต่ดูเหมือนว่าคนไทยหลายคนมีท่าทีไม่ยอมรับในเรื่องนี้ โดยเฉพาะชนชั้นกลาง และชนชั้นสูงในกรุงเทพ พวกเขามีทัศนคติที่ว่า ประเทศไทยยังคงเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้มที่เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งทุกคนรู้ถึงฐานะของตัวเองในสังคม และทุกคนต่างยอมรับด้วยความหน้าชื่นตาบาน และพวกเขาดูเหมือนจะเชื่อว่าเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ไม่มีทางสิ้นสุด หากไม่ใช่เพราะอิทธิพลอันชั่วร้ายของทักษิณ ผู้พยายามก่อปัญหาให้กับดินแดนแห่งสวรรค์ของพวกเขาเองซึ่งมีแต่ความเห็นแก่ตัว พวกเขาอ้างว่า ทักษิณหลอกลวง และติดสินบนชาวไร่ชาวนาไทยทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อให้พวกเขาลืมกำพืดของตัวเอง หลงผิดกับความจริงของเป้าหมายในชีวิตของพวกเขาที่ว่ามีหน้าที่รับใช้คนร่ำรวยด้วยความยินดี และด้วยความอดกลั้นเท่านั้น พวกเขาคิดว่าหากหยุดทักษิณได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม แม้ไร้ซึ่งคุณธรรม ประเทศไทยจะกลับไปสู่ประเทศตามอุดมคติ และทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิม

นี่เป็นมุมมองที่เพ้อเจ้อ ความพยายามทำการท้าทายเรื่องนี้ในประเทศถูกเซ็นเซอร์อย่างไม่ยั้ง และนักข่าวต่างชาติอย่างผมซึ่งแนะนำว่าสถานการณ์อาจจะซับซ้อนไปมากกว่านั้น กลายเป็นถูกบอกว่า ชาวต่างชาติอย่างเรานั้นไม่สามารถเข้าใจถึงความซับซ้อนของประเทศไทย และเราอาจจะรับเงินจากทักษิณ หรือถูกทักษิณล้างสมอง

ให้ผมแจงรายละเอียดอีกครั้ง ถึงเวลานี้ควรเห็นได้ชัดแล้วว่า ทักษิณ และผมไม่ได้เป็นเพื่อนรักกัน ผมไม่มีความหลงว่าทักษิณเป็นใคร หรือทักษิณยึดมั่นในเรื่องอะไร ผมรู้อยู่เต็มอกว่าทักษิณไม่ใช่เป็นนักประชาธิปไตย และมีหลักฐานที่จะให้พิจารณาได้ว่า บทบาทของทักษิณทำให้ในเหตุการณ์ในเดือนเมษายน และพฤษภาคมเลวร้ายลง และเป็นผู้ไม่รับข้อเสนอแผนปรองดองนั้น

แต่การที่จะเชื่อว่าวิกฤติครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างทักษิณ และประเทศไทยเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคม ในทางประชาธิปไตย และสิทธิเท่าเทียมกัน เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมหันต์ต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ คนไทยจำพวกที่มองข้ามการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่าชาวไร่ชาวนาโง่เขลาต่ำช้า ซึ่งไม่เข้าใจถึงความหมายของคำว่าประชาธิปไตย และความยุติธรรม พวกเขาไม่มีสิทธิที่จะโกรธแค้น และพวกเขารับเงินจากทักษิณ หรือถูกหลอกให้สนับสนุนแผนการอันชั่วชาติของทักษิณ ชินวัตร คนไทยพวกนี้ที่แน่ๆกำลังแสดงความจองหอง ความเป็นสองมาตรฐาน และการดูถูกเหยียดหยามคนยากไร้ ซึ่งคนไทยเหล่านี้อ้างว่าไม่มีตัวตนในประเทศไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม แต่ต้องถูกทำลายเป็นชิ้นๆเพราะความไม่ยุติธรรมในทางสังคม การทุจริตที่ถูกปกป้อง ความเป็นสองมาตรฐาน การเซ็นเซอร์ ลัทธิใช้กำลังทางทหาร การปฏิเสธของพวกศักดินาไม่ยอมรับผลพวงแห่งความเป็นประชาธิปไตย และคลานกลับเข้าไปสู่ลัทธิเผด็จการเต็มรูปแบบ แน่นอน ความซับซ้อน และความยุ่งยากเหล่านี้ ไม่ได้ลดลงอย่างง่ายๆเพียงแค่สีดำและสีขาว (หรือสีแดงและสีเหลือง) ที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง และเต็มไปด้วยความอึมครึม แต่การปฏิเสธที่จะไม่ยอมรับปัญหาที่แสนสาหัส และความคับข้องใจของตัวการของวิกฤติในครั้งนี้ ย่อมยากที่จะหาทางออก

หากมีสิ่งใดที่ผมเรียนรู้ได้จากเรื่องราวของทักษิณและผม สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะทำได้ในฐานะนักข่าวคือ การรายงานอย่างตรงไปตรงมา ให้รับรู้ว่าปัญหาหลักนั้นถูกละเลย เพื่อชี้ให้เห็นว่าพระราชาไม่ได้ทรงสวมเสื้อผ้า

หากเราเห็นกองขี้ควายที่กำลังส่งกลิ่น เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องบอกให้ชัดว่านั่นกองขี้ควาย แต่คนร่ำรวย และผู้มีอำนาจ ยิ่งพยายามชักชวนให้เราเชื่อว่า นั่นน่ะ คือไหทองคำนะ

24 ความเห็น leave one →
  1. คนเหมือนกัน permalink
    วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 00:59 น.

    ไม่เห็นจะมีอะไรมากไปกว่า ไม่มีอะไรเลย

  2. เฉาก๋วย permalink
    วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 04:11 น.

    แอนดรูว์ มาร์แชล เป็นตัวอย่างสื่อต่างชาติที่เขียนอะไรที่ตรงข้าม หรือโจมตีรัฐบาลไทย ก็จะต้องถูกใส่ร้าย ดีสเครดิต จนกระทั่งถูกข่มขู่ ไม่ว่ายุคทักษิณ หรือยุคหลังรัฐประหาร 2549 ยิ่งเป็นมากกว่าเดิม เรื่องที่รอยเตอร์เคยรายงานข่าววิจารณ์เจ้า ก็โดนพวกประชาธิปัตน์ใส่ร้ายว่ารับเงินทักษิณมาด่าเจ้า เรื่องแบบนี้ก็มีมานานแล้ว แต่ความจริงก็ความจริงอยู๋วันยังค่ำ สื่อนอกโชดดีที่รายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมาได้ เพราะไม่ต้องกลัวรัฐบาลจะมาสั่งปิดได้ง่ายๆ สื่อไทยมันไม่รู้จักจรรยาบรรณ เพราะมันเป็นสื่อเลือกข้าง สื่อกระแสหลักก็เกาะติดรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจรัฐ เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน จึงละเลยที่จะรายงานหากเห็นว่าเป็นผลเสียต่อรัฐบาล แต่หากเป็นผลเสียกับผฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล สื่อนั้นจะตีกระหน่ำ รายงานซ่้ำๆซากๆ บังคับคนไทยให้เสพสือยัดเยียด

    ส่วนสถานการณ์เมืองไทยที่แอนดรู ว่ากำลังถอยหลังเข้าคลองนั้น ถูกต้องแบบโชะเด๊ะครับ เพราะผู้มีอำนาจรัฐ และกลุ่มชนชั้นสูงในไทย ต้องการให้เป็นอย่างนั้น พวกนั้นไม่ต้องการให้ไทยเจริญกว้างหน้า เพราะหากเป็นแบบนั้นปชช.จะเรียกร้องมาก พวกเขาจะปกครองและกดขี่อย่างที่เคยทำไม่ได้ เมื่อเห็นทักษิณเป็นเสื้อนหนาม จึงพยายามกำจัดให้สิ้นซาก แต่ทักษิณเขาไม่ยอมรับชะตาชีวิตที่อำมาตย์ไทยยัดเยียดให้เขา เขาก็ต่อสู้ มันก็สมควรแล้วนี่ แต่รัฐทรราชย์มันเหี้ยมโหดเลยไปที่ฆ่าปชช.มือเปล่าด้วยอาวุธร้ายแรง นี่คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะมันเป็นอาชญกรรม

  3. nhom452 permalink
    วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 06:34 น.

    ท่นนายกทักษิณสร้างชาตินิยม พยายามลดช่องว่างระหว่างชนชั้น เพื่อให้ฐานะคนในชาติใกล้เคียงกัน ซึ่งทําให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชน กลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยแต่มีเงินและอํานาจไม่พอใจ โดยปลุกปั่น เสี้ยม ยุยง
    ชนชั้นกลางในสังคม(ที่มีความต้องการเป็นชนชั้นสูง)ขึ้นมาต่อต้านโดยใช้ผลประโยชน์ อํานาจเข้ามาล่อ หลักความจริงระบอบประชาธิปไตยต้องฟังเสียงความคิดเห็นของคนส่วนมาก การแก้ปัญหาต้องเป็นไปแนวทาง(ชาติสังคมประชาธิปไตย)

    • love sq. permalink
      วันพุธ 11 สิงหาคม 2010 14:32 น.

      ผมเห็นด้วยกับประชาธิปไตยที่อยากได้กัน แต่ไม่เชียร์ทักษิณ เพราะไม่ใช่ประชาธิปไตย

  4. adml permalink
    วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 10:26 น.

    คนโกหกที่เก่งที่สุดก็คือ คนที่พูดได้ทุกเรื่องกับคนทุกประเภททุกชนชั้น แต่เรื่องเดียวที่เขาพูดกับตนเองไม่ได้ก็คือ สัจธรรมความจริง
    ทั้งนี้เป็นเพราะเขารู้ดีว่า สัจธรรมเพียงน้อยนิดสามารถพิชิตความหลงผิดมากมาย ได้เหมือนอย่างไฟเพียงน้อยนิด สามารถเผาไหมัไม้ฟืนกองใหญ่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น
    แต่ลิ้นของเขาเคยชินกับการโกหก โดยชอบพูดถึงการปรองดองและสมานฉันท์ แต่หัวใจเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง

  5. โสมเถื่อนระบาด permalink
    วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 13:22 น.

    อยากรู้เรื่องการจับโสมเกาหลีเถื่อนได้ที่ฝรั่งเสดมากกว่า จับได้เยอะมากไหม

  6. วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 15:51 น.

    รักเทอประเทศไทย 55+55++

  7. วันอาทิตย์ 20 มิถุนายน 2010 19:17 น.

    Many thanks for providing this Thai translation of my article. Best wishes, Andrew.

  8. คนธรรมดา permalink
    วันจันทร์ 21 มิถุนายน 2010 00:52 น.

    ปัญหาอีกอย่างของทักษิณ คือ ทำอะไรเกินหน้าเกินตาใครบางคน และบางกลุ่ม…โดยเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป.จนเป็นเหตุให้ใครบางคนคิดกำจัดทุกวิถีทาง…แม้กระทั่งพร้อมที่จะปิดประเทศ..ก็ยอม

    • machinegunjoe permalink
      วันจันทร์ 21 มิถุนายน 2010 05:41 น.

      ปชป มันคงเอาภาษีพวกเราไปวิจัย “อาวุธใหม่เพื่อกำจัดทักษิณ” แล้วมั้ง มันคงมีฐานวิจัยใต้ดิน ทุนวิจัยนับแสนล้าน

    • jeawaew permalink
      วันอังคาร 22 มิถุนายน 2010 06:26 น.

      ผลงานของโอทอป กับ ผลงานของศูนย์ศิลปาชีพ เตะตัดขากันอย่างรุนแรง ชัดเจนมัยครับ

  9. ceus62 permalink
    วันจันทร์ 21 มิถุนายน 2010 07:59 น.

    แอนดรูว์ มาร์แชล ไม่ใช่นักข่าวคนเดียวที่เขียนข่าวประเทศไทยแบบนั้น แต่ยังมีนักข่าวอีกมากมายที่มีความเป็นนักข่าวที่ดีเขียนบทความเช่นเดียวกันกับคุณแอนดรูว์ การให้ข่าวต้องเป็นกลาง นักข่าวไม่สามารถที่จะยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่งได้ นักข่าวต้องให้ข่าวที่เป็นจริงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบ แล้วทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลก (ยกเว้นประเทสไทยและอีกบางประเทศที่ปิดประเทศไปแล้ว)นักข่าวในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นนักข่าวที่ดี แต่สำนักงานข่าวของแต่ละท่านที่สังกัดอยู่นั้นเป็นตัวแทนประชาชนที่เลว เพราะไม่นำเสนอข่าวที่เป็นกลางเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ส่วนสำนักข่าวท่ออกข่าวเป็นกลาง ผู้นำสูงสุดและรัฐฯของประเทศไทยก็ปิดซะ เพราะความจริงต่างๆที่ผู้นำสูงสุดได้ทำเอาไว้ทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบันมันเป็นเรื่องราวที่ตัวเขาเองไม่สามารถรับได้ เนื่องจากเขาวางตัวเองเอาไว้สูงจนประชาชนเอื้อมไม่ถึง พอประชาชนเริ่มเอื้อมมือขึ้นไป เขาก็ต้องปกปิดและป้องกันทุกวิถีทาง และทางที่ดีทีสุดก็คือ การปิดข่าวนั่นเอง นี่หากเหตุการเปลี่ยนพลิกข้างเป็นฝ่ายประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยชนะ สถาบันข่าวที่กำลังออกข่าวข้างเดียวทั้งหมดในปัจจุบันก็จะต้องหมุนตัวกลับมาทำข่าวเข้าข้างประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย มิฉะนั้นเขาก็คงอยู่ไม่ได้แน่นอน นี่คือจรรยาบรรณของสำนักข่าวแห่งประเทศไทย

  10. วันจันทร์ 21 มิถุนายน 2010 18:46 น.

    รักเทอประเทศไทย 55++55++

  11. วิหคสายฟ้า permalink
    วันจันทร์ 21 มิถุนายน 2010 22:28 น.

    คนเสื้อแดง แดง แดง ; คนเสื้อแดงต้องรวมตัวกันไว้ใชสื่อทางนี้ไว้ก่อน และเมื่อมันยกเลิกพรก.ฉุกระหุก
    ก็มานั่งคุยกันที่โรงแรมรัตนโกสินทร์(ถนนราชดำเนิน) หรือที่ใหนก็ได้ /

  12. อดีตคนแนวหน้า permalink
    วันอังคาร 22 มิถุนายน 2010 11:18 น.

    สื่อสีใหน ; สื่อวันนี้มันมีได้ สอง-สามด้าน อยู่ที่เราจะเชื่อถือขนาดใหน ถ้าเป็นสื่อของรัฐที่มีรมต.พรรคปชป.
    ดูแลอยู่นั้น พี่น้องเสื้อแดงชาวไพร่อย่าไปดู-ฟังสื่อเลวๆพวกนี้เลย เพราะรัฐบาลพรรคปชป.เขาเสนอข้อมูล
    ข่าวสารด้านเดียว และสื่อต่างประเทศจะเป็นมืออาชีพการนำเสนอข่าวบ้าง แต่บางครั้งบางเวลาก็มีผิดเเพี้ยน
    จากความเป็นจริง
    กรณีที่รัฐบาลพรรคปชป.กลั่นแกล้งให้พตท.ทักษิณต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนนั้น วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็คงเห็นสัจจะธรรมของตัวเองแล้ว และกำลังจะได้รับกรรมที่ก่อขึ้นมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และนายอภิสิทธิ์ ก็อยากจะหาทางลงเหมือนกัน แต่ไม่มีใครจะหาบันใดให้ลง เนื่องจากมีขุนอำมาตยทั้งหลายที่คอยขี่คอไว้ เพราะทั้งนายอภิสิทธิ์และเหล่าขุนอำมาตยได้ร่วมกันกระทำเข่นฆ่าประชาชนคนเสื้อแดง ที่บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
    ประเทศไทยวันนี้ตกอยู่ในเหวลึกที่จะหาทางตะเีกียกตะกายขึ้นมา แต่มีผู้นำทางที่ไม่มีประสพการณ์และ
    ยังมีจิตใจที่อำมหิตจึงไม่มีใครหรือประเทศใหนมาช่วย นี่แหละ “ความเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายอภิสิทธิ์
    เวชชาชีวะ”

  13. Philips permalink
    วันอังคาร 22 มิถุนายน 2010 14:07 น.

    ใครที่ชอบว่ากล่าวให้ร้ายคนโน้นคนนี้ เลวอย่างโน้น เลวอย่างนี้

    ไอ้คนนั้นแหละ ……….. เลวยิ่งกว่าหลายเท่าเสียอีก

    แถมเวลาจากว่ากล่าวป้ายสีใคร มันยังสร้างขบวนการใส่ร้ายป้ายสีแบบครบวงจร แบบเอากันให้ตายไปเลย

    ดังที่ปรากฏอยู่ในเมืองไทย แม้แต่เทพที่อยู่บนสรวงสวรรค์ ยังลงจากสวรรค์มาสั่งการ

    จนเป็นเหตุให้ตัวเองเริ่มอยู่บนสวรรค์ไม่ได้ ประชาชนทั่วไปเริ่มมองไม่เห็นหัวเทพเข้าไปทุกวัน

    เทพทั้งหลายก็กลายเป็นเหมือน เจ้าเผ้าศาลภูมิร้าง ไร้คนกราบไหว้บูชาอีกต่อไป

  14. กระทิง2010 permalink
    วันเสาร์ 26 มิถุนายน 2010 17:20 น.

    วันนี้อยากให้ พตท.ทักษิณ หรือเคลือญาติที่อยู่ในประเทศไทย จัดการเปิดหนังสือพิมพ์ิรายวัน โดยใช้
    นอมินี ที่มีชื่อเสียงและเป็นมืออาชีพเข้ามาบริหารอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนจะออกแนวใหนเราก็รู้กันเอง มันมีได้
    เราก็ต้องมีได้ และคาดว่าวันนี้เรามีมวลชนพอที่จะเป็น “กันชน” กับเหล่าขุนอำมาตยได้
    เราจัดตั้งโดยถูกกฎหมายทุกอย่าง เราปฎิบ้ติตามกฎหมาย เสียภาษีถูกต้อง คงไม่ใช่เรื่องใหญ่

  15. ก๊วยเจ๋ง permalink
    วันจันทร์ 28 มิถุนายน 2010 13:15 น.

    ไม่คาดคิดว่าเลยว่า “ประเทศไทย” จะมีอดีตนายกฯ ที่สร้างความแตกแยกให้พี่น้องคนไทยได้มากมาย ยาวนานที่สุดเท่าที่มีผู้นำประเทศมาหลัง พ.ศ.2475

    อย่าว่าแต่ชาติไทยเลย…ทุกชาติในโลกต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ และ หลายประเทศต้องภาวนาว่า “ขออย่าให้เขามีผู้นำแบบนี้เลย”…เหมือนในหนังสือบางเล่มเขาเขียนว่า พม่า ลาว เวียดนาม บอกว่าโชคดีที่ทักษิณไม่ได้เกิดในประเทศของเขา

    • ไม่เชื่อ permalink
      วันจันทร์ 28 มิถุนายน 2010 14:08 น.

      คนที่ทำให้ประเทศชาติแตกแยกไม่ใช่ทักษิณ ลองคิดดูให้ดี ๆ ถ้าไม่มีไอ้ตัวร้ายลูกจ็กกู้ชาติ ออกมาปลุกระดมประชาชนให้ข้อมูลที่ผิด ๆ เพราะตัวเองไม่ได้สมหวังกับสิ่งที่ขอจากทักษิณ ประเทศเริ่มแตกแยกจากสีเหลืองก่อน นะยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ เอามวลชนออกมาจะยึดรัฐสภา ตำรวจยิงแกสน้ำตา ล้มทับระเบิดปิงปองตายเอง บึ้มเชโรกีตายเอง กังได้รับการยกย่องเป็นวีระบุรุษวีระสตรี ตำรวจเจ็บเพราะโดยด้ามธงแทง โดนยิง โดนรถยน๖ขับทับ ไม่เห็นมีไอ้อีหน้ามใหนไปเยี่ยม กลับหาว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ แต่นี่พวกทหารหมา ๆ ยิงปชช.มือเปล่าตายทั้งที่เขาต้องการเพียงยุบสภา คืนอำนาจให้ ปชช.เพื่อเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่มาจากทหารแต่งตั้งรัฐบาลกันใน ราบ 11 ให้ ปชช.ผู้มีสิทธิมีเสียงเลือกใสครได้เอาไปเลย เพียงนี้นังชะนีหน้าขาวก็ไม่พอใจสั่งฆ่า ปชช.ได้ อย่ามาแอบอ้างว่าประเทศเพื่อนบ้านบอกโชคดีที่ทักษิณไม่เกิดในประเทศเขา เขากลับบอกว่า ผู้มีอำนาจในประเทศไทยโง่ ที่ขับไล่ผู้มีความรู้ความสามารถ บ้าหรือไร แล้วเขายินดีคบกับ รบ.นี้หรือไทม่ ทำอยู่เรื่องเดียวไล่ล่าทักษิณ ไข่ใบละ 4 บาทแล้วโว้ย เศรษฐกิจแก้ไขไม่ได้เฮงซวย

  16. วันพฤหัสบดี 1 กรกฎาคม 2010 21:38 น.

    ว่ากันไปตามเนื้อผ้า…. แต่เมืองไทย ว่ากันไปตามคำสั่งเป็นทอดทอด ประชาชนก้อโดนสอยไปเป็นทอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ……

  17. วันเสาร์ 17 กรกฎาคม 2010 12:04 น.

    ตราบใดที่จิตและใจยังไม่บรรลุธรรมคืออรหัตผล จิตและใจยังถูกกิเลสครอบงำด้ายอยู่ ความรู้สึกนึกคิดย่อมมีเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งด้ายทั้งถูกและผิด เมื่อลงมือทำงานใดๆย่อมมีผิดพลาดด้ายบ้างเราต้องยึดเอาประโยชน์เป็นใหญ่แก้ไขข้อผิดพลาดให้ถูกต้องดีโดยเร็วไว…..อย่าใช้ความรุนแรงและอารมณ์มาตัดสินการแก้ปัญหา ถามคนที่มีปัญหาแล้วแก้ปัญหานั้นทันทีด้วยความถูกต้อง อย่านำความคิดของคนที่แก้ไขปัญหาไปแก้ไขปัญหา มันจะไม่ตรงกับการแก้ไขปัญหา……ผู้นำต้องมาเป็นผู้แก้ไขปัญหาทุกอย่างฯ ผู้นำไม่ด้ายมีหน้าที่มาบริหาร // เหมือนคนพิการกินข้าวแล้วมีปัญหาคือขาดน้ำกิน เราคือผู้นำแก้ปัญหาด้วยการหาน้ำมาให้คนพิการไว้ดื่ม…ไม่ใช่ผู้นำมาออกคำสั่งให้คนพิการไปหาน้ำมาไว้กินเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก้อไม่ต้องจ้างผู้นำมาให้เสียเวลาทำไม ทำด้วยตัวเองไม่ดีกว่าหรือ…ความเป็นจริงในเมืองไทยผู้นำมันไม่รู้ว่าหน้าที่ที่ต้องทำของมันคืออะไร มันขบปัญหาไม่แตก มันไม่เคยเรียนรู้สัจธรรมความเป็นจริงตามความรู้ในพระพุทธศาสนาเลย จึงไม่เข้าใจวิธีคิดที่ถูกต้องตามเรื่อง…อริยสัจสี่…ปัญหามันถึงไม่ด้ายรับการแก้ไขที่ถูกต้องถูกจุดซักที นานเข้าปัญหาก้อสะสมสั่งสมพอกพูนมากขึ้นทุกวันทุกวัน//เราต้องเลือกใช้คนให้ตรงกับความต้องการ เช่นปัญหาชาวนาเราต้องให้ชาวนาบอกวิธีแก้ปัญหาของเขาคือเขาขาดสิ่งไรเราก้อรีบหาและทำให้เขาเสียโดยไวโดยเรามีหน้าหาสิ่งที่เขาขาดมาให้ ไม่ด้ายมีหน้าที่ไปบอกให้เขาทำนั่นทำนี่ คนพวกนั้นเขาฉลาดและรอบรู้มากกว่าเรามากมายนัก เพียงแต่เขาหาสิ่งที่ต้องการด้ายไม่ดีพอเท่านั้น ผู้นำมีหน้าที่ต้องหาให้เขามันก้อเท่านั้น ๆๆๆ……..

  18. แอบอ่านมานาน permalink
    วันพุธ 21 กรกฎาคม 2010 11:31 น.

    ป่วยตาย แกตาย ยังไงก็ต้องตาย สงสัยอีกไม่นาน

  19. MC Boy permalink
    วันพุธ 29 มิถุนายน 2011 14:13 น.

    2535 เมื่อเริ่มให้บริการโทร 900 ราคามือถือ NOKIA เสากลางเครื่องละ 84,000 บาท ในขณะที่ในอเมริกาเปิดบัญชีธนาคารหรือทำสัญญาใช้มือถือ 1 ปี รับแจกฟรี ค่าบริการ 500 บาท ที่ต้องแบ่งกับองค์การโทรศัพท์ เอามาเป็นโปรโมชั่นโทรฟรี 1ล้านเลขหมายกี่หมื่นล้านบาท แบบนี้หรือคนเก่ง? น่าจะเก่งกับการหากินโดยอาศัยสัมปทานมากกว่า เพราะที่ต้องใช้ฝีมือแล้ว เจ๊งหมด!

Trackbacks

  1. แอนดรูว์ เอ็ม มาร์แชล: ทักษิณกับผม | ThaiUK Press

ส่งความเห็นที่ Andrew Marshall ยกเลิกการตอบ