ข้ามไปยังเนื้อหา

ราชวงศ์ที่มั่งคั่ง

วันจันทร์ 14 กันยายน 2009

Rich royals
June 22, 2009
ที่มา – Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑

ผู้อ่านโพลิติคอลพรีซันเนอร์อินไทยแลนด์ (พีพีที) อาจจะคงเคยสังเกตบทความในฟอร์บ (วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒: “อีกครั้ง สำหรับราชวงศ์ที่มั่งคั่งที่สุดในโลก“) ที่รายงานการจัด ๑๕ อันดับ ตามอันดับพระราชทรัพย์ของราชวงศ์ของโลก ฟอร์บรายงานว่า: “อันดับ ๑ ติดต่อกันสองปีซ้อน จากการจัดอันดับของเรา กษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดชแห่งประเทศไทย ทรงมีทรัพย์สินมูลค่า ๑,๐๕๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งล้านห้าหมื่นล้านบาท) ลดลงจากปีที่แล้ว ๑๗๕,๐๐๐ ล้านบาท เนื่องมาจากมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงเป็นเลขสองหลัก และหุ้นซึ่งพระองค์ทรงเป็นเจ้าของ โดยทรงมอบหมายให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อการลงทุนของภาครัฐเป็นผู้ดูแล ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้มีพระราชอำนาจในการจัดการ ความไม่มั่นคงของประเทศอันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังทวีความรุนแรงขี้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักด้วยเช่นกัน”

ไม่ต้องสงสัยต่อรายงานข่าวเมื่อปีที่แล้วที่ว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็น “เป็นหน่วยงานเพื่อการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งท่าน (กษัตริย์) เป็นผู้มีพระราชอำนาจจัดการ” ส่งผลให้เกิดความขุ่นเคือง เห็นได้จากการที่สำนักงานทรัพย์สิน และรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออกมาพยายามแก้ต่างว่าสำนักงานทรัพย์สิน คล้ายกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อประชาชนชาวไทย ไม่ใช่เพื่อราชวงศ์แต่เพียงอย่างเดียว พวกประจบสอพลอแบบนี้สร้างความท้าทายต่อกฎระเบียบ และขาดหลักฐานยืนยันที่จะนำมาอ้างในเรื่องนี้

การอ้างเรื่องสำนักงานทรัพย์สินเป็นหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐ เป็นการอ้างที่ขัดทั้งทางกฎหมาย และทางปฎิบัติ ไม่เคยแม้แต่สักครั้งที่สำนักงานทรัพย์สินจะอ้างเรื่องนี้ในเว็บไซต์ แต่ไม่ช้านี้คงจะมีการอับเดทเพื่อทำการโฆษณาชวนเชื่อ

ได้มีการถกเถียงเรื่องนี้ในบางกอกบัณฑิต และนิวแมนดาลา ว่า สำนักงานทรัพย์สินโดยเนื้อแท้แล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของกษัตริย์ และผู้รายงานจากนิวแมนดาลาคนหนึ่งได้ชี้ว่า นี่เป็นด้านนิตินัย ผู้รายงานอีกคนหนึ่งที่นิวแมนดาลาได้ชี้ให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รายการทรัพย์สินของราชวงศ์ไทยนั้นยังแจ้งตัวเลขไม่หมด ตัวเลขของฟอร์บยังขาดรายการพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และทรัพย์สินต่างๆ หรือสินทรัพย์จากมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เคยถูกนำเสนอเป็นรายงานอย่างพอเพียง

ส่วนหนึ่งในการดิ้นรนทางการเมืองในระยะ ๕-๖ ปีให้หลังนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกป้อง และการเทิดพระเกียรติในความมั่งคั่งของราชวงศ์ รวมถึงพระบารมีที่สูงส่งที่ตามมา ที่แน่ๆคือ ถ้าใครถามว่า ใครคุมประเทศไทยทั้งทางเศรษฐกิจและทางการเมือง คนคนนั้นต้องเริ่มต้นที่ราชวังก่อน

31 ความเห็น leave one →
  1. นางในหัวใจเธอ permalink
    วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 11:38 น.

    ประชาชนต้องรู้อย่างพอเพียง ตามที่ใครบางคนต้องการ (อยากรู้มาก สืบ เสาะ หา เคาะ เดี๋ยวโดนอุ้ม) ตอนนี้กระจ่างสว่างในในใจข้าพเจ้าเอง อะไร ๆ ที่ผ่าน ๆ มา นาน จนบัดนี้ ประเภทหาคำตอบไม่ได้ หรือบางเรื่องที่เป็นที่สงสัยค้างคา เช่น การตายของบุคคลผู้มีชื่อเสียง นายวรรณ ชันซื่อ นายนักแสดงชาวเมริกา นายเหนือหัว ร.8 นายทูตจากซาอุ ภรรยาผู้กำกับหนังชื่อดังที่นำเสนอเรื่องคาวดาราในสังกัดมาโพทนาและดาราคนนี้กลายเป็นซินเดอเรล่า มีลูก 5 คนแล้ว… เป็นข่าวสี่ ห้าวัน แล้วหาย… สื่อไม่เกาะติดเพราะเจอตอ ตำรวจไม่พยายามหาคนร้าย เพราะรู้อยู่แล้ว ฯลฯ ส่งเงินให้นาย (นายไหนไม่รู้) ผู้ใหญ่ขอมา (หมู่บ้านอะไรไม่ปรากฎ) ข้าพเจ้านั่ง ๆ นึกเยอะแยะจิปาถะ ได้ยินบ่อยคำว่าตอ อ้อ!!! ที่แท้เธอนะเอง…ซาบซึ่งที่ได้เกิดมาร่วมแผ่นดิน… มีก็มีเยอะแล้ว ทุกข์ใจคนในครอบครัวตนเอง ใยใจดำหยิบยื่นความลำบากมากระทบมาถึงพวกเรา.. พวกสอพอถ้าพวกคุณไม่หยุดย่ำยี้ประชาชน คุณจะโดนเอาคืน…. ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ที่ซุกหัวนอน.

  2. วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 11:40 น.

    คุณยังใส่ข้อมูลไม่ครบ ใส่ลงไปด้วยว่าสนง.ทรัพย์สินมี เทเวศประกันภัย อยู่ในเครือข่ายอยู่ด้วยสิ

  3. นางในหัวใจเธอ permalink
    วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 12:20 น.

    มีอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกไหมคะ คุณ jsoc ดิฉันอยากรู้อยากเห็นมากกว่านี่นะ… รู้อะไรดี ๆ ก็มาแชร์บ้าง.. อย่าทำอมภูมิ เด่วไม่รักนะ… เข้ามา comment ให้อยากแล้วจากไป..ร้ายยยยยยยยยนะเธอ..

    • รู้ดี permalink
      วันอังคาร 15 กันยายน 2009 00:01 น.

      จากการวิจัย2551
      ที่น่าแปลกคือนอกจากพสกนิกรของพระองค์ทั้งที่ร่ำรวยและร่วงโรย นอกจากจะต้องร่วมทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลมิได้ขาดแล้ว ประชาชนชาวไทยยังต้องจ่ายเงินภาษีกรเพื่อเลี้ยงดูพระราชวงศ์ให้ดำรงอยู่เพื่อเป็นศักดิ์เป็นศรีของประเทศชาติมิให้น้อยหน้าพระราชวงศ์ใดๆในโลกด้วยงบประมาณแผ่นดินที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับพระราชวงศ์ในอารยประเทศที่ประชาชนมีมาตรฐานการกินอยู่ที่ดีกว่าประชาชนไทยหลายเท่า…

      งบประมาณของสำนักพระราชวังแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องจ่ายค่าบำรุงเลี้ยงดูพระราชวงศ์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เป็นพระราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
      โดยมีตัวเลขดังนี้…
      ปี 2545——1,136,536,600 บาท
      ปี 2546——1,209,861,700 บาท
      ปี 2547——1,275,948,400 บาท
      ปี 2548——1,501,472,900 บาท
      ปี 2549——1,676,888,800 บาท
      ปี 2550——1,945,122,400 บาท
      ปี 2551—— 2,086,310,000 บาท

      เพื่อถวายความสะดวกสบายแด่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ มีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้…

      เงินอุดหนุนทั่วไป 835,519,200 บาท…
      1) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานที่ประทับ 308,000,000 บาท
      2) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานที่ประทับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร 198,000,000 บาท
      3) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระองค์ 65,625,000 บาท
      4) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ 57,856,000 บาท
      5) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานต่างจังหวัด 110,000,000 บาท
      6) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินเบี้ยหวัดข้าราชการฝ่ายใน 8,908,200 บาท
      7) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินพระราชกุศลตามพระราชอัธาศัย 9,900,000 บาท
      8) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประสานงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 19,380,000 บาท
      9) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประสานงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 25,350,000 บาท
      10) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพระราชฐานและซ่อมเครื่องตกแต่ง 11,000,000 บาท
      11) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพระตําหนักจิตรลดารโหฐานพร้อมจัดหาซ่อม ทําเครื่องใช้เครื่องตกแต่ง 16,500,000 บาท
      12) เงินอุดหนุนโครงการบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 5,000,000 บาท

      งบรายจ่ายอื่น 3,500,000 บาท…
      1) ค่าใช้จ่ายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ข้าราชการสํานักพระราชวังเดินทางไปต่างประเทศ
      2,000,000 บาท
      2) ค่าใช้จ่ายในการจัดการปัญหาแมลงและสัตว์รบกวนในเขตพระราชฐาน 1,000,000 บาท
      3) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบบริหารความรู้ภายในองค์กรสํานักพระราชวัง 500,000 บาท
      งบประมาณเพื่ออำนวยความสดวกสบายแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้มีการจัดไว้ในงบของหน่วยงานต่างๆรวมเป็นเงินงบประมาณไม่ต่ำกว่า 6032 ล้านบาท ในปี 2551 ทั้งนี้ยังมีตัวเลขตกหล่นที่แฝงอยู่ในกระทรวงต่างๆ อีก เช่น ค่าใช้จ่ายการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และค่ารับรอง เป็นต้น โดยมีตัวเลขที่รวบรวมได้ดังนี้
      -ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและต้อนรับประมุขต่างประเทศ 500,000,000 บาท
      -งบสำนักพระราชวัง 2,086,310,000 บาท
      รวมงบประมาณถวายการอารักขาแด่พระราชวงศ์
      -สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อ การถวายความปลอดภัย
      ถวายพระเกียรติและปฏิบัติตามพระราชประสงค์
      1. งบรายจ่ายอื่น 2,782,400 บาท
      -กองทัพบก การถวายความปลอดภัย การถวายพระเกียรติและปฏิบัติตามพระราชประสงค์
      1. งบรายจ่ายอื่น 185,000,000 บาท
      กรมราชองครักษ์ การถวายความปลอดภัย
      ถวายพระเกียรติและปฏิบัติตามพระราชประสงค์
      รวมงบทั้งหมดของกรม 465,842,600 บาท
      -สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เพื่อการถวายความปลอดภัยพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์
      รวมงบเฉพาะการถวายความปลอดภัย 349,117,700 บาท
      -กองบัญชาการทหารสูงสุด
      1) งบหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ 120,000,000 บาท
      2) ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ 120,000,000 บาท ค่าราชพาหนะและโรงเก็บ
      -สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
      1. งบลงทุน
      (1) เครื่องบินพระราชพาหนะขนาดกลาง และเครื่องบินรับ – ส่งบุคคลสำคัญ จำนวน 4 เครื่อง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น พร้อมโรงเก็บเครื่องบินมาตรฐาน จำนวน 2 โรง 381,450,000 บาท
      (2) เฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ จำนวน 3 เครื่อง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น และโรงจอดอากาศยาน 1,220,000,000 บาท
      3. งบรายจ่ายอื่น
      1) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง 601,594,700 บาท

      เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายสำหรับพระราชวงศ์อังกฤษ 74 ล้านเหรียญต่อปี (หรือราว2200 ล้านบาท) ก็ต้องถือว่าพระราชวงศ์ของไทยแพงกว่ามากถึงสามเท่า ในขณะที่ประเทศอังกฤษมีจีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงกว่าไทย ถึง 4 เท่าตัว!

  4. วันจันทร์ 14 กันยายน 2009 20:11 น.

    no comment

  5. ๊คนโงตาสวางแส้ว่ permalink
    วันอังคาร 15 กันยายน 2009 09:41 น.

    จะรายไปถึงไหน ตายก็เอาไปไม่ได้สักกะตังค์ ดีไม่ดีเดี๋ยวจะกลายเป็นสาเหตุให้ลูกหลานฆ่ากันเย่งชิงเงินที่ได้มาจากหยาดเหงื่่อของคนอื่น

    • รู้ดี permalink
      วันพุธ 16 กันยายน 2009 13:20 น.

      ในปี 2548 พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชทรัพย์มีเพิ่มขึ้นเป็น 35 พันล้านเหรียญฯ หรือเท่ากับ 1.4 ล้านล้านบาทพอๆกับงบประมาณของประเทศทั้งปี หรือมากกว่าพตท.ทักษิณที่มี 75,000 ล้านบาท ราว 20 เท่า

      ในปี 2552 นิตยสารฟอร์บยังคงจัดให้พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชยังคงครองอันดับของกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน
      และกล่าวได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ เมื่อก่อนนั้นนายอนันต์ อัศวโภคินเจ้าของกิจการค้าบ้านและที่ดินจนสามารถตั้งเป็นธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ได้ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยในปี2550 มีมูลค่าหุ้น 13,230.23 ล้านบาท แต่ถ้าดูข้อมูลจริงจากตลาดหลักทรัพย์ฯจะพบว่าในหลวงทรงเป็นแชมเปี้ยนเศรษฐีหุ้นไทยที่ร่ำรวยที่สุด ด้วยมูลค่าหุ้นมากกว่า150,000ล้านบาทหรือมากกว่านายอนันต์กว่าสิบเท่า และสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกการเงินการลงทุนทั่วโลกได้ถวายพระเกียรติให้พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองตำแหน่งนักลงทุนอันดับ1ในตลาดหุ้นของไทย ดังตัวอย่าง เช่น
      -บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด มหาชน (DVS) ทรงถือหุ้นเกือบ12ล้านหุ้นหรือเกือบทั้งหมด
      -บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด มหาชน (SCC) ทรงถือหุ้น 360 ล้านหุ้นหรือร่วม 6 หมื่นล้านบาท
      -ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน(SCB)ทรงถือหุ้นกว่า723 ล้านหุ้น หรือกว่า 56,000ล้านบาท

      จาก บทวิจัยเรื่อง “สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับบทบาทการลงทุนทางธุรกิจ” 2549

    • 3333 permalink
      วันอังคาร 24 กรกฎาคม 2012 08:24 น.

      รวยยังงายก็สู้ทักษิณกับเสื้อแดงไม่ได้หรอก จริงม่ะ

  6. วันอังคาร 15 กันยายน 2009 21:05 น.

    ได้มีการถกเถียงเรื่องนี้ในบางกอกบัณฑิต และนิวแมนดาลา ว่า สำนักงานทรัพย์สินโดยเนื้อแท้แล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของกษัตริย์ และผู้รายงานจากนิวแมนดาลาคนหนึ่งได้ชี้ว่า นี่เป็นด้านนิตินัย ผู้รายงานอีกคนหนึ่งที่นิวแมนดาลาได้ชี้ให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รายการทรัพย์สินของราชวงศ์ไทยนั้นยังแจ้งตัวเลขไม่หมด

  7. rangyu permalink
    วันพุธ 16 กันยายน 2009 08:22 น.

    ต้องตีแผ่ข้อมูลให้คนทั้งโลกได้ทราบ ต้องกระจายข้อมูลให้ประชาชนทุกคนรับรู้ คนจนแทบกินดินกินหญ้า แต่ราชาเสพสุข ทุกข์ของประชาชน แก้ปัญหาแค่ผักชีโรยหน้า เมื่อไดคนไทยจะมองเห็นความแตกต่าง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จะต้องเท่าเทียกัน

  8. อุกากาล permalink
    วันพุธ 16 กันยายน 2009 09:27 น.

    ทรัพย์สินเยอะมาก ไม่เสียภาษีสักบาทเดียว.

  9. วันพฤหัสบดี 17 กันยายน 2009 15:13 น.

    ยอมอยู่ใต้เบื้องบาทของพระองค์มีอะไรมั้ยล่ะ

    • วันพฤหัสบดี 24 กันยายน 2009 16:39 น.

      I did translate the words we speak to t…XX..example…
      kow decha taipha la-ong tu-lee prabath phode-kloaw phode-khramom..when I translate to my friends from England…as…please allow me I am a person under your XX khee XX tee pen jud lek almost can not see ,smaller than the dust under your shoes…as the same time Pharang speak to you as ..you and I…

  10. วันพุธ 23 กันยายน 2009 16:35 น.

    ทำไมพวกคุณต้องวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ด้วย ทรัพย์สินที่มีอยู่ของพระองศ์ไม่ได้เพิ่งจะมีมาเร็วๆนี้ แต่เป็นการสะสมมากเป็นร้อยๆปีแล้ว และมันมัมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกคุณเป็นคนไทยหรือป่าวทำไมจึงมาวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ด้วย ไม่อยู่ที่ไหนก็ไปพวกคน ทรราชย์

    • วันพฤหัสบดี 24 กันยายน 2009 16:44 น.

      as I know over-sea company invest in Thailand they must give a share part to the king assett company 10%..just wind investing..is that true..if not you can check at the big company from Japan..(or other option..they can donate ..doey sdej praratcha kuson..)

  11. วันพุธ 23 กันยายน 2009 20:01 น.

    ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ พวกท่านเหล่านั้น รวมทั้งข้ารับใช้ ใช้เงินภาษีของประชาชน ทำไมประชาชนจะวิพากไม่ได้ และข้างบนนั่นก็คือหลักฐาน ทรัพย์สินที่มีอยู่ของพระองค์นั่นนะ คุณก็ไปศึกษามาดีๆซะก่อน ก่อนจะมาว่าใครเขา จะได้ไม่มาปล่อยไก่ แต่เอาเถิดคุณรักก็รักไปไม่มีใครตำหนิ แต่คุณไม่ควรไปว่าใครเขาเป็นทรราชย์ เพียงแค่เขาวิพากษืวิจารณ์สถาบัน มันบ่งบอกถึงจิตใจที่ยังไม่พัฒนาและไม่เปิดก้วางเลย อ้อ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่ใครออกจากประเทศนี้หรอกนะ เพราะเขาก็เป็นเจ้าของแผ่นดินนี้คนหนึ่งเหมือนกัน อย่าเทิดทูนจนมืดบอดแยกแยะไม่ออก จากใจเพื่อนร่วมชาติคนหนึ่ง

  12. khon thai permalink
    วันพุธ 23 กันยายน 2009 23:34 น.

    ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ พวกท่านเหล่านั้น รวมทั้งข้ารับใช้ ใช้เงินภาษีของประชาชน ทำไมประชาชนจะวิพากไม่ได้ และข้างบนนั่นก็คือหลักฐาน ทรัพย์สินที่มีอยู่ของพระองค์นั่นนะ คุณก็ไปศึกษามาดีๆซะก่อน ก่อนจะมาว่าใครเขา จะได้ไม่มาปล่อยไก่ แต่เอาเถิดคุณรักก็รักไปไม่มีใครตำหนิ แต่คุณไม่ควรไปว่าใครเขาเป็นทรราชย์ เพียงแค่เขาวิพากษืวิจารณ์สถาบัน มันบ่งบอกถึงจิตใจที่ยังไม่พัฒนาและไม่เปิดก้วางเลย อ้อ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่ใครออกจากประเทศนี้หรอกนะ เพราะเขาก็เป็นเจ้าของแผ่นดินนี้คนหนึ่งเหมือนกัน อย่าเทิดทูนจนมืดบอดแยกแยะไม่ออก จากใจเพื่อนร่วมชาติคนหนึ่ง >>>>> This is what i called the real Thai >รัก บูชา และปกป้องสถาบันครอบครัว
    เพราะสถาบันครอบครัวมีพ่อและแม่ ผู้ให้กำเนิด
    ที่รักเรา หวังดีกับเราจากใจจริง โดยไม่หวังผลตอบแทนจากเรา
    ไม่ว่าเราจะรวยจะจนสูงต่ำดำขาวห รือมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
    >>

  13. pakanung permalink
    วันพฤหัสบดี 24 กันยายน 2009 11:50 น.

    พวกที่อยู่ใต้ตรีนของคนอื่น คือคนที่ไร้เกียรติ ยอมทำทุกอย่าง และเทิดทูนทุกอย่าง
    มืดบอด เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

  14. วันศุกร์ 25 กันยายน 2009 17:33 น.

    ผมศึกษามาดีพอที่จะมากล่าว หลักข้างต้นเป็นจริงหรือป่าวก็ไม่ทราบ และเป็นเงินเพียงเท่านั้นที่น้อยกว่าที่มีการคอร์ปรับชั่นในแต่ละปีของงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน คุณทราบมั้ยว่างบประมาณในการพัฒนาที่กระจายตามท้องถิ่นหายไป ร้อยละ10-30 ของงบประมาณ เงินที่จัดถวายพระราชวงศ์ยังไม่เท่าเงินที่มีการคอร์ปรับชั่น และการคอร์ปรับชั่นไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นมานานแล้ว และคุณคิดว่างบประมาณแผ่นดินที่ถูกคอร์ปรับชั่นไปมันมากเพียงใด งบประมาณของสำนักพระราชวังยังไม่เท่าเงินที่ถูกการคอร์ปรับชั่นไปเสียอีกในแต่ละปี ไม่ทราบว่า “จิตใจที่พัฒนาและเปิดกว้าง”ในทัศนคติของคุณ หมายความว่าอย่างไร แต่ผมเห็นว่าคุณ รัก บูชา และปกป้องสถาบันครอบครัว ผมคิดว่าคุณเป็นคนที่เห็นแก่ตนเองและครอบครัวมากกว่า จิตใจที่พัฒนาก็คงหมายความว่า มีจิตใจที่มีแต่การโกงเห็นแก่ตนเองและพวกพ้องเท่านั้นหรือ เปิดกว้าง แล้วคุณเปิดกว้างเท่าไหน มีความคิดความรู้มากแค่ไหน คุณคิดว่าแผ่นดินนี้เป็นของคุณแล้วทำอะไรบ้างให้แผ่นดินที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นมากเพียงใด

  15. วันจันทร์ 28 กันยายน 2009 10:23 น.

    งบประมาณสำหรับครอบครัวเดียวเป็นพันเป็นหมื่นล้านนี่ มันจิ๊บจ๊อยเหรอ ทั้งที่มันสวนทางกับเศรษฐกิจความเป็นอยู่ความยากจนของประชาชน ประเทศชาติ ตะแบงไปได้ แนะว่าคุณกับไปสำรวจตัวเองทั้งตัวและจิตใจให้ดีซะก่อน (เราไม่นิยมความรุนแรงและการหาเรื่องกันไม่ว่าจะทางไดๆ เพราะคนไทยเหมือนกัน คิดต่างกันได้) เดี๋ยวพูดอะไรไปให้คนอื่นมันก็จะเข้าตัวคุณเองหมด ไม่ได้ว่าให้นะจ้ะ แล้วก็จะถามอะไรใครก็ถามตัวเองซะก่อน “จงอย่าถามว่าประเทศให้อะไรแก่ท่าน จงถามว่าท่านให้อะไรกับประเทศ” ถามตัวเอง ไม่ต้องถามคนอื่น สิ่งไดที่ทำล
    งไปแล้ว ถ้าเราบริสุทธิ์ใจ จริงใจ แม้นไม่มีใครเห็น ต้วเราย่อมรู้ดีกว่าใคร ท้ายนี้ก็…….. แล้วแต่คุณเถอะ
    ปล. คนที่เข้ามาดูมาอ่านในนี้ ขอบังอาจทำนายว่า จบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย 95% หรือไม่เขาก็เป็นคนที่ตื่นตัวสนใจในการเมืองประเทศชาติ นับได้ว่าเป็นคนหัวก้าวหน้าเชื่อว่าเขามีสมองที่จะคิดและคิดเป็นคิดเองได้ อย่างนี้แล้วคุณคงสบายใจขึ้นนะคุณวราชิ

  16. มองสองด้าน permalink
    วันพฤหัสบดี 4 กุมภาพันธ์ 2010 12:28 น.

    เป็นความคิดเห็นนะครับ ดังนั้นอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ ผมคิดว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข หมายความว่าการปกครองโดยประชาชนโดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าของประชาชน ทำหน้าที่บริหารประเทศและใช้งบประมาณของประเทศ พระมหากษัตริย์มิใช่ผู้บริหาร ดังนั้นการบริหารประเทศถ้าดีประชาชนก็อยู่ดีกินดี
    ถ้าคอรับชั่นมากก็จะอดอยากเป็นธรรมดา จะมาโทษสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อยางไร เพราะพระองค์ไม่มีหน้าที่บริหารประเทศ แต่พระเจ้าอยู่หัวของเราพระองค์ยังทรงเสียสละมาช่วยดูแลประชาชน ช่วยแก้ปัญหาต่างๆมากมาย ดังโครงการในพระราชดำริ ทั้งด้วยงบส่วนพระองค์ งบประมาณ ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม จึงทำให้พวกเราอยู่ได้อย่างสงบสุขไม่เป็นหนี้มากมาย ถ้าทำตามพระราชดำรัสเรื่องการอยู่อย่างพอเพียง ทำตามที่มีใช้ตามที่มี
    วิถีเกษตรพอเพียงเหมาะกับชาวไทยที่สุดแล้วธรรมชาติก็ไม่เสีย พระองค์เปรียบเหมือนผู้ปิดทองหลังพระ แต่พวกเราประชาชนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบางท่านแม่้กระทั่งเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวก็ยังไม่ทำ ถ้าให้พระเจ้าอยู่หัวปกครองประเทศประเทศก็คงไม่แย่ขนาดนี้หรอก แต่เมื่อเราเป็นระบอบประชาธิปไตยก็ต้องรู้จักที่จขะเรียนรู้การปกครองระบอกประชาธิปไตยที่ถูกต้องว่า สิ่งใดคือสิทธิที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชน สิ่งใดเป็นโทษต่อประชาชน สิ่งใดเป็นหน้าที่พลเมืองท่ี่ี่ดีที่ต้องปฏิบัติ ถ้ามีรัฐบาลหรือ สส. ที่ดี ประชาชนที่ดี ระบอบประชาธิปไตยก็จะดีและสมบูรณ์ สถาบันกษัตริย์ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณอะไรมากมาย แต่เนื่องจากสถาบันกษัตริย์ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญถึงสิทธิและหน้าที่ แล้วจะมาโทษสถาบันกษัตริย์ได้อย่างไร ไม่ทราบคุณคิดกันว่าอย่างไรครับ ขอทุกความเห็นอย่าเดา อย่าใช้อารมณ์ หวังว่าทุกท่านจะได้คำตอบครับ

  17. ^_^ permalink
    วันพฤหัสบดี 17 กุมภาพันธ์ 2011 00:55 น.

    “สถาบันกษัตริย์ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญถึงสิทธิและหน้าที่”

    หน้าที่พลเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550
    การรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    – การรักษาชาติ
    – การรักษาศาสนา
    – การรักษาพระมหากษัตริย์
    และ”การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

    สถาบันกษัตริย์มีหน้าที่ต้องปกป้องรัฐธรรมนูญไหมครับ เพราะเป็นหนึ่งในหน้าที่พลเมืองไทย o_O

    หรือไม่ต้องปกป้อง เพราะไม่ใช่พลเมืองไทย หุหุ……….อย่าบอกว่าอยู่ เหนือการเมืองเลยนะครับ เพราะกฏหมายทุกฉบับก็ต้องผ่าน…อยู่ดี อีกทั้งยังมีสิทธิวีโต้ได้อีก หุหุ

  18. เห็นนมไก่ permalink
    วันพฤหัสบดี 8 ธันวาคม 2011 19:06 น.

    สังคมโลกกล้าวไป อะไรชั่วๆปิดไม่อยู่ ประชาชนตาสะหว่าง ผ่านทางอินเตอร์เน็ต มีไรแปลกๆที่ไม่เคยรู้

    • วันเสาร์ 16 มิถุนายน 2012 13:23 น.

      ถ้าคุณเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะมีความโลภ

  19. 3333 permalink
    วันอังคาร 24 กรกฎาคม 2012 08:19 น.

    ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

    ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

    ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้นอยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง เพื่อการนั้น จึงมีการจัดตั้งสำนักงานขึ้นเรียก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์[66] ทรัพย์สินส่วนใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ้น ปัจจุบันมีผู้เช่าที่ดินทั่วประเทศมากกว่า 3 หมื่นสัญญา แปลงสำคัญ ๆ ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ซีซั่น ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่ดินองค์การสะพานปลา และที่ดินริมถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนือ จากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ยาวจรดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์[ต้องการอ้างอิง] ทั้งนี้บริษัทซีบีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้เคยประมาณการตัวเลขพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ที่ 32,500 ไร่ โดยในบางพื้นที่มีมูลค่าสูงกว่า 380 ล้านบาทต่อไร่[67] ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ยังได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย โดยถ้านับรวมทั้งหมด หุ้นที่สำนักงานทรัพย์สินฯ มีอยู่ทั้งหมดคิดเป็น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย[67] ทำให้พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บ ให้เป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก[68] แต่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ชี้แจงถึงบทความดังกล่าวว่า “มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากในความเป็นจริง ทรัพย์สินที่นับมาประเมินนั้นเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์”[65

  20. 3333 permalink
    วันอังคาร 24 กรกฎาคม 2012 08:20 น.

    ทรัพย์สินส่วนพระองค์

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงมีการลงทุนส่วนพระองค์เอง โดยมีการแยกทรัพย์สินส่วนพระองค์ออกจากสำนักงานพระคลังข้างที่ และตั้งสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ขึ้น โดยมี “ผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ เป็นผู้ดูแลรักษาและจัดหาผลประโยชน์ทรัพย์สินส่วนพระองค์ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้นได้กำหนดว่าการดูแลรักษาและการจัดหาผลประโยชน์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย” [69] โดยการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) 43.87%[70] บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 22.9%[71] และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 2.22%[72] เป็นต้น

    ทรัพย์สินส่วนพระองค์นี้ยังหมายรวมถึง เงินทูลเกล้าถวายฯ ตามพระราชอัธยาศัยต่าง ๆ ซึ่งทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้นต้องเสียภาษีอากรตามปกติไม่ได้รับการยกเว้นเรื่องภาษี[66]

    มูลนิธิอานันทมหิดล กล่าวว่า พระองค์ได้พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์จำนวนมากแก่ โครงการพระราชดำริ มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ การกุศล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์[73]
    การถือหุ้น

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทเอกชนหลายแห่ง ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2555 มีดังต่อไปนี้

    ใน บริษัทสัมมากร จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 197,414,850 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 43.87[74]
    ใน บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 72,470,861 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.22[75]
    ใน บริษัทไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 5,382,654 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 22.9[76]
    ใน บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 1,383,770 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.51[77]
    ใน บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 69,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.14[78]

  21. beerboro permalink
    วันจันทร์ 13 สิงหาคม 2012 01:34 น.

    ใครจะว่าดีหรือไม่อย่างไร
    ขอให้รู้ไว้ว่า
    ข้าพเจ้าจะปกป้องราชวงศ์ไว้ด้วยชีวิตและวิญญาณของข้าพเจ้า
    จงรักภักดีโดยไม่มีเหตุผล
    จำไว้ไอ้แดงกบฎ

  22. chanida buchawang permalink
    วันอังคาร 27 สิงหาคม 2013 09:27 น.

    มีคนยากจนในประเทศนี้จำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือแทนที่จะเอาไปปรนเปรอคนรวยที่สุดของประเทศ ที่น่าอายคือเขามีเงินจำนวนมากแต่ทำไมต้องมาเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ ปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติน้ำท่วมก็ไม่เคยเว้น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นหน่วยงานรัฐ แต่ไม่เคยส่งเงินเข้ารัฐเหมือนประเทศอังกฤษ เงินหายไปไหน งบการเงินเคยเปิดเผยไหม ไม่เคย นี่หรือ ที่ว่ารักประชาชน โกหกทั้งนั้น…….ฟ้าดินเป็นพยาน

  23. Awie permalink
    วันอังคาร 22 ตุลาคม 2013 11:28 น.

    วิจารย์ ไปก้อไร้ประโยชน์ สิ้นลมหายใจ ใครๆ ก้อพาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง แม้แต่ร่างกายก้อพาไปไม่ได้ คนเราเกิดมาต่างกัน ทั้งฐานะ ชาติตระกูล ความคิด โชค วาสนา บารมี ถ้าทรงไม่ดีจริง จะอยู่ถึงปานนี้ได้ฤา หรือควรปล่อยให้วันเวลาตัดสิน อีกหนึ่งร้อยปี หรือ อีกสองร้อยปี เพราะ โลกยังไม่สลายในวันพรุ่งนี้ และพระอาทิตย์ยังไม่แตกดับ

  24. Dao permalink
    วันจันทร์ 8 กุมภาพันธ์ 2016 10:19 น.

    แล้วตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่ คนเราก็ต้องกินต้องใช้ ยังต้องทำมาหากินกันต่อไป จนกว่าจะตาย จะพูดแต่ว่าตายไปแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ แล้วตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่ก็ไม่ต้องกินต้องใช้ไปเลยซิคุณ มองโลกในความเป็นจริงหน่อยยย

ส่งความเห็นที่ mm ยกเลิกการตอบ